นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ที่นายกฯควรแถลง แต่ไม่ได้แถลง
ฟังนายกฯแถลงแล้ว แม้จะไม่ผิดคาด แต่ก็รู้สึกผิดหวัง เพราะนึกว่าประชุมกันมาอย่างดีแล้ว คงจะมีมาตรการต่างๆที่ชัดเจนและมีคนเตรียมร่างสปีชให้ น่าจะดีกว่าพูดสดๆมากกว่านี้หน่อย
ที่นึกไม่ออกว่าแปลว่าอะไรคือที่ว่ายกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาทำเพียงวัดไข้ซึ่งเกือบจะไม่บอกอะไร จากนี้ไปจะทำอย่างไรไม่ได้บอก
นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชนซึ่งน่าจะให้แพทย์เป็นผู้แนะนำจะดีกว่า
อีกส่วนหนึ่งคือนายกฯดูจะเห็นว่าการที่ประชาชนตื่นตระหนกเป็นเพราะการกระจายข่าว ที่ไม่เป็นความจริง ทั้งๆที่ประชาชนตื่นตระหนกเพราะไม่เห็นว่ารัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวดแข็งแรงเพียงพอเสียมากกว่า
แถลงทางทีวีพูลทั้งที สิ่งที่นายกฯควรจะได้ชี้แจงให้ประชาชนเกิดความมั่นใจแต่พลาดโอกาสไปก็คือมาตรการดังต่อไปนี้
1.รัฐบาลมีหลักเกณฑ์กำหนดประเทศเสี่ยงอย่างไร จะเพิ่มจะลดด้วยเงื่อนไขอะไร มีคำถามเช่นมาเลเซียมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วและมีพรมแดนติดกับไทย จัดเป็นประเทศเสี่ยงหรือไม่ ประเทศในยุโรปหลายประเทศมีผู้ป่วยเพิ่มเร็วมาก ต้องเพิ่มเป็นเท่าไรจึงถือว่าเป็นประเทศเสี่ยง ไม่ควรใช้วิธีรอให้ประเทศต่างๆปิดประเทศกันไปเอง
2.กำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้ชาวต่างประเทศที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงมาได้เท่าที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น งดการให้วีซ่าท่องเที่ยวที่ควรทำมานานแล้ว กำหนดให้ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงจะต้องมีการคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพและกักตัวโดยการควบคุมดูแลของทางราชการอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ปล่อยเสรีอย่างที่ทำอยู่
3.การเตรียมสถานที่และวัสดุอุปกรณ์สำหรับการกักตัวเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงและผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อในประเทศให้เพียงพอ ซึ่งเร็วๅนี้อาจต้องใช้เป็นจำนวนมาก
4.แสดงความพร้อมในการเตรียมบุคลากร สถานพยาบาล เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์เช่นเครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ ให้เพียงพอในกรณีที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากๆ โดยระบุจำนวนที่ชัดเจน
5.มาตรการในการแก้ปัญหาหน้ากากและเยลล้างมือขาดแคลนที่เชื่อได้ว่าจะแก้ปัญหาได้จริง
6.ที่แถลงว่ามีมาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อ โดยงดกิจกรรมในสถานที่ที่มีการชุมนุมจำนวนมาก ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สถานบันเทิง สนามกีฬา และสถานศึกษา นั้นยังมีสถานที่ประเภทอื่นใดอีกบ้าง ห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนเกิน 50 คนหรือไม่ มีบทบังคับตามกฎหมายอย่างไร
7.มาตรการที่แต่ละจังหวัดพึงใช้โดยกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ เช่นการติดตามรวบรวมข้อมูลผู้อยู่ในข่ายเสี่ยงที่จะเป็นผู้ติดเชื้อ การกำชับหรือบังคับให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัวเองหรือต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่ใช่ปล่อยให้ทำกันบ้างไม่ทำบ้างตามอัธยาศัยอย่างที่เป็นอยู่
8.การมีระบบชี้แจงให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนโดยองค์กรและบุคลากรที่เหมาะสม เชื่อถือได้ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหรือแตกต่างขัดแย้งกันเองบ่อยๆอย่างที่เป็นอยู่
น่าจะได้ประมาณนี้ เสียดายที่นายกฯเกือบจะไม่ได้พูดถึงสิ่งเหล่านี้เลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาคนร่างสปีชหรอกครับ เป็นเพราะไม่ได้มีการกำหนดมาตรการเหล่านี้ต่างหาก คือไม่ใช่ปัญหาควรพูดอะไร แล้วไม่ได้พูด แต่เป็นควรทำอะไร แล้วไม่ได้ทำหรือไม่ได้คิดจะทำเสียมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น