ออกจดหมายถึงมหาเศรษฐี ไม่รู้คิดไปได้ไง
นายกฯจะออกจดหมายถึงมหาเศรษฐี 20 คนแรกขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน นายกฯอาจจะคิดว่านี่คือทีเด็ด แต่กลับมีเสียงวิพากษ์วจารณ์กันเซ็งแซ่ไปหมด
ถ้าบอกว่าจะขอคำแนะนำ ก็คงต้องถามว่าทำไมคิดจะถามแต่มหาเศรษฐีเท่านั้น ทำไมไม่รับฟังรายเล็กรายน้อยและประชาชนที่เดือดร้อนทั้งบ้านทั้งเมือง และทำไมไม่รับฟังผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญอีกมากมาย
การพุ่งเป้าไปที่มหาเศรษฐี 20 คนแรกจึงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากจะเป็นอย่างที่มีการวิจารณ์กันคือจะ “ไถ” เงินเขา
ฟังคำพูดของนายกฯชัดๆ อาจจะหนักกว่า “ไถ” ด้วยซ้ำเพราะมีทั้งตำหนิและตั้งคำถามเชิงขู่อยู่ด้วย
"ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเรา ให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง" นายกฯ กล่าว
ถ้ามองว่านี่เป็นการเรี่ยไรหรือขอรับบริจาค หลักการง่ายๆก็คือถ้าใครจะบริจาคควรปล่อยให้เป็นความสมัครใจ ไม่ควรเรี่ยไรหรือขอแกมบังคับโดยผู้มีอำนาจที่สามารถให้คุณให้โทษกับธุรกิจของเขา เพราะการกระทำต่างตอบแทนและคอรัปชั่นจะตามมา
มหาเศรษฐีที่นายกฯกำลังจะขอความร่วมมือนี้ มีทั้งคู่สัญญาของรัฐ เจ้าของสัมปทาน และผู้ที่ต้องทำงานกับรัฐที่จะต้องมีการเจรจาทางธุรกิจกัน ในวิกฤตนี้ บางรายอาจกำลังมีศักยภาพ แต่หลายรายกำลังจะขาดทุนยับเยินและอาจต้องการการเยียวยาจากรัฐบาล รัฐบาลจะสนับสนุนหรือเยียวยาพวกเขาอย่างไร ไม่ควรพิจารณาจากใครบริจาคมากหรือน้อย การที่นายกฯเรี่ยไรหรือขอความร่วมมือจะทำให้เกิดปัญหาการลำเอียงเลือกปฏิบัติขึ้นได้
ความริเริ่มที่หลงทิศผิดทางนี้ น่าจะเกิดจากการไม่รู้บทบาทหน้าที่และความรู้สึกอับจนปัญญาของนายกฯเอง
ถ้าจะพูดเรื่องเงิน รัฐบาลควรรับฟังทุกฝ่ายแล้วใช้เวลาทบทวนแผนการใช้งบประมาณกว่า 1 ล้านล้านบาทที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าไม่ตรงจุดให้เป็นประโยชน์กว่าที่เป็นอยู่ และควรวางแผนสร้างรายได้ของคนทั้งประเทศมารองรับการเป็นหนี้มหาศาลในครั้งนี้ ไม่ใช่มาออกอาการหมดท่าหวังเงินบริจาคจากมหาเศรษฐีแบบนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น