น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรค และนายวัฒนา เมืองสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรค ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลยืนยันที่จะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน นั้นที่ผ่านมาแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น แต่มาตรการต่างๆ ก็สร้างผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทำให้มีคนตกงานและขาดรายได้ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน แต่ผู้เดือดร้อนที่ลงทะเบียนไว้กว่า 27 ล้านคนเศษ มีผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ไม่ถึง 10 ล้านคน จึงมีความชัดเจนว่าการเยียวยายังมีความล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ และไม่ทันต่อการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้ต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุด หากรัฐบาลยืนยันที่จะแยกการเยียวยาเป็นกลุ่มอาชีพเหมือนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็ขอเรียกร้องให้ช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ครอบครัวละ 35,000 บาท รวมไปถึงกรณีลูกจ้างในระบบประกันสังคมที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งยังไม่ได้รับเงินชดเชยและเยียวยา ก็ขอให้ดำเนินการจ่ายเงินตามสิทธิให้แก่ลูกจ้างดังกล่าวภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การที่ประธานวิปรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ นั้นพรรคเพื่อไทยมองว่าการพิจารณาอนุมัติ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย หากผ่านการพิจารณาจากสภาอย่างรวดเร็ว จะสามารถนำเม็ดเงินไปใช้เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดได้รวดเร็ว และต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะนำเอาเงินไปใช้ ถ้าเนิ่นช้าออกไป หรือใช้เงินไปแล้ว อาจเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งไม่สามารถเอาคืนได้
“วิกฤติโรคสามารถควบคุมได้ แต่วิกฤติสำคัญขณะนี้คือวิกฤติการใช้มาตรการควบคุมของรัฐ ที่จะทำให้พี่น้องประชาชนตาย ทั้งปัญหาเรื่องความอดอยาก หรือปัญหาการฆ่าตัวตาย ถ้าไม่ได้รับการเยียวยาคลายความทุกข์ยาก อาจเกิดความคับแค้นใจ และอาจเกิดกรณีปฏิเสธเงื่อนไขมาตรการของรัฐในการควบคุมโรคทุกอย่าง ซึ่งเป็นหายนะที่แท้จริงแล้วโรคจะกลับมาอีกครั้ง เพราะฉะนั้น สภาจึงเป็นทางออก เพื่อป้องกันปัญหารอบด้าน นี่คือความสำคัญของการเปิดประชุมวิสามัญ” นพ.ชลน่าน กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น