นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ถือเป็นความก้าวหน้าไปอีกก้าว ของความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศ ในการร่วมมือกับแพทย์พยาบาลบุคลากรทางการสาธารณสุข จนทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แม้จะยังไม่มีวัคซีน แต่ถือว่าคนไทยได้สร้างภูมิคุ้มกันด้านการตื่นรู้ มีความเข้าใจในหลักปฏิบัติเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การก้าวไปสู่การแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ในระยะต่อไป มิอาจดูเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง เพราะขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อลด แต่จำนวนคนฆ่าตัวตายจากการล็อกดาวน์กลับพุ่ง จะการ์ดไม่ตกจนไม่เห็นอะไร ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ เพราะคนจะอดตาย ปัญหาสังคมจะตามมา
.
“ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ดำเนินการ “3 คลาย 4 เข้ม” คือ 1. เลือกธุรกิจที่จะผ่อนคลาย 2. เลือกพื้นที่ที่จะผ่อนคลาย 3. เลือกเส้นทางสัญจรที่ปลอดโรคผ่อนคลาย และ 4 เข้ม คือ 1. เข้มการตรวจควบคุมโรค กักตัว รักษา 2. เข้มการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ 3. เข้มการเยียวยาทางเศรษฐกิจ 4. เข้มการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งคนในสังคมทราบว่าอย่างน้อยอาจต้องสู้กับโควิด-19 อีกเป็นปี แต่การดำเนินมาตรการที่ไม่สอดรับกับสถานการณ์ ทำให้ประชาชนเสียโอกาส ใช้เวลาในการแก้ปัญหานานเกินไปและไม่ตรงกับสภาพปัญหาที่แท้จริง”
.
ในส่วนของการเยียวยาประชาชนนั้นจนถึงขณะนี้มีประชาชนที่เข้าไม่ถึงการเยียวยามากถึง 80% สิ้นเดือนเมษายน 2563 รัฐบาลบอกว่าจะมีประชาชนผู้ผ่านเกณฑ์รับเงินเยียวยา 5 พันบาท 6.4 ล้านคน เฉพาะผู้ลงทะเบียนในโครงการเราไม่ทิ้งกัน 23.5 ล้านคน ถูกทิ้งให้รอมา 2 เดือน 17.1 ล้านคน จากการที่รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์ และอีกหลายมาตรการที่สะเปะสะปะ แล้วผู้ได้รับผลกระทบคือประชาชน ข้อมูลศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่าภาคครัวเรือนไทยค่อนข้างเปราะบางต่อการรับมือกับวิกฤติ สะท้อนจาก 33.9% ของครัวเรือนมีทรัพย์สินพอใช้ได้ 1 เดือน ขณะที่ 48.2% ของครัวเรือนมีทรัพย์สินพอใช้ได้ 2 เดือน และ 59.2% ของครัวเรือน หรือ 12.7 ล้านครัวเรือน มีทรัพย์สินทางการเงินน้อยกว่าค่าใช้จ่าย 3 เดือน ซึ่งนอกเหนือจากการตรวจสแกนหาผู้ติดเชื้อเพื่อมากักตัว รักษา ควรตรวจสแกนเอกซเรย์เพื่อค้นหาคนเข้าไม่ถึงการเยียวยาด้วย รัฐบาลจะอ้างเหตุในการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขยายเคอร์ฟิว ก็หาเหตุไป แต่ไม่ควรอ้างเหตุในการไม่เยียวยาประชาชนหรือซื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ การเยียวยาถ้วนหน้าอย่างมีหลักเกณฑ์ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างจริงจังเร่งด่วน เพื่อหยุดสถิติคนฆ่าตัวตายรายวัน จากการล็อกดาวน์ประเทศของรัฐบาล ควบคุมโรค ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ไม่เป็นปัญหา แต่การเยียวยา อย่าการ์ดสูง จนมองไม่เห็นความทุกข์ร้อนของประชาชน การเยียวยาถ้วนหน้าอย่างมีหลักเกณฑ์ จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการเยียวยา หยุดสถิติฆ่าตัวตายรายวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น