ผมเคยเสนอความเห็นว่าการจ่ายเงินเยียวยาที่ง่ายที่สุดคือจ่ายเป็นครัวเรือนๆ ละ 8,000 - 10,000 บาท/เดือน แต่เมื่อรัฐบาลเลือกวิธีที่จะจ่ายให้กับผู้ที่มาลงทะเบียนคนละ 5,000 บาท/เดือนก็ควรจ่ายให้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบ
ปัญหาที่รัฐบาลเผชิญอยู่คืองบกลางที่มีอยู่ไม่พอจ่ายให้กับทุกคนและสามารถจ่ายได้เพียงเดือนเดียวที่เหลือต้องรอเงินกู้ซึ่งจะได้รับประมาณเดือนมิถุนายน จากข้อมูล ณ วันที่ 14 เมษายน มีผู้มาลงทะเบียนขอรับเงินจำนวน 27.2 ล้านราย ซึ่งถ้าจ่ายทุกคนจะต้องใช้เงินเดือนละประมาณ 1.36 แสนล้านบาท จึงทำให้รัฐบาลต้องใช้วิธีคัดคนออกและสร้างเงื่อนไขจนประชาชนเกิดความไม่พอใจ
ความจริงแล้วรัฐบาลสามารถจ่ายเงินเยียวยาให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ แม้งบกลางจะมีไม่พอและจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ พรก. เงินกู้ ดังนี้
(1) ประสานกับธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเพื่อให้จ่ายเงินให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิไปก่อน โดยธนาคารสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิกับรัฐบาลทางออนไลน์ได้ จากนั้นให้ประชาชนโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินจากรัฐบาลให้กับธนาคาร
(2) ในส่วนของธนาคารก็มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเงินล่วงหน้าแล้วจ่ายส่วนที่เหลือให้ประชาชนไปก่อน เมื่อรัฐบาลได้รับเงินกู้แล้วก็จะโอนเงินคืนให้กับธนาคารตามสัดส่วนที่แต่ละธนาคารได้จ่ายให้กับประชาชนไป
(3) รัฐบาลอาจเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกกับประชาชนโดยประสานกับห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อเพื่อให้เครดิตกับประชาชนในการซื้อของ โดยให้ประชาชนโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินเยียวยาให้ร้านค้าคล้ายกับธนาคารก็ทำได้
ผมเสนอทางออกให้ เพื่อที่รัฐบาลจะได้ไม่ต้องไปขอความเมตตาจากเศรษฐีจนกลายเป็น #รัฐบาลขอทาน ให้เสียศักดิ์ศรีประชาชนเพราะเป็นเรื่องทางธุรกิจที่ธนาคารก็ได้ประโยชน์ ส่วนประชาชนก็ไม่ต้องไปติดหนี้บุญคุณใคร ข้อเสนอของผมเป็นเพียงเศษเสี้ยวความรู้ที่ได้มาจากเศรษฐีหมายเลข 16 ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามไปได้เพราะท่านไม่คิดเงิน
วัฒนา เมืองสุข
18 เมษายน 2563
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น