“หมอทศพร” แนะรัฐทุ่มงบตรวจหาเชื้อทุกกลุ่มเสี่ยง อัดรัฐไม่ควรมองมุมการเมืองควรเน้นปกป้องชีวิตประชาชน
นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ ประธานศูนย์โควิด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-2019 ในประเทศไทย ว่า ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการตรวจหาผู้ติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงยังน้อยมาก หากเทียบกับหลายๆประเทศ ทั้งนี้รายงานจากกระทรวงสาธารณะสุข พบว่าตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมีการตรวจหาเชื้อจากประชาชนเพียง 70,000-80,000 คนเท่านั้น ตั้งแต่มีการระบาดเกิดขึ้น ทั้งๆที่ควรมีการตรวจมากกว่านี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องไม่ละเลยการป้องกันชีวิตของประชาชน
คณะทำงานของรัฐบาลออกมาโจมตีฝ่ายการเมืองว่าที่ออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ว่าเป็นการมุ่งให้ร้ายโจมตีรัฐบาล อยากเรียนว่าในมุมมองพรรคเพื่อไทย ไม่เคยมองในมุมการเมือง แต่เป็นการให้ความคิดเห็นในมุมของแพทย์ เพื่อปกป้องชีวิตประชาชน นอกจากนี้รายงานของสาธารณะสุขในต่างประเทศ พบว่าคนที่ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการพบมากกว่าคนที่ติดเชื้อแล้วแสดงอาการ ดังนั้นโอกาสที่จะมีการแพร่เชื้อในอนาคตนั้นมีได้มาก หากรัฐไม่ทำอะไรเลย
นายแพทย์ ทศพร กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการตรวจหาเชื้อเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน รัฐต้องดำเนินการตรวจ ไม่จำเป็นต้องปูพรมตรวจก็ได้เพียงตรวจคนที่ใกล้ชิดคนที่ติดเชื้อและอยู่ในกระบวนการรักษา อาทิ คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน รวมไปถึงคนสูงอายุ อย่าไปมุ่งตรวจคนที่มีอาการหรือไปมุ่งที่คนเคยไปสถานที่เสี่ยงเท่านั้น นอกจากนี้รัฐต้องรายงานให้ครบถ้วน ทั้งการตรวจหา การรักษา ไม่ใช่รายงานอย่างที่เป็นอยู่ เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร
“สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ประชาชนบางส่วนที่ต้องอยู่ศูนย์กักกันเชื้อตามสถานที่ต่างๆในหลายจังหวัด ยังคงน่ากังวลทั้งนี้มีหลายคนที่จากไม่ติดเชื้อกลับกลายเป็นว่ามาติดเชื้อภายในศูนย์กักกัน ดังนั้นรัฐต้องมีมาตรการที่ดีกว่านี้ ในการกักกันเพื่อดูอาการ อาทิ โรงเรียน หรือ โรงแรมที่มีอยู่ ใช้เป็นศูนย์กักกันแล้วให้นอนเพียงห้องล่ะ 1 คน เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย จะเสียงบประมาณเท่าไหร่รัฐก็ต้องยอม เพราะคือเงินภาษีของประชาชน ดังนั้นควรนำมาใช้ในการปกป้องชีวิตประชาชน ที่ผ่านมารัฐไม่จริงใจในการปกป้องประชาชน มาตรการรัฐบาลที่ออกมาจึงสอบตกทุกเรื่อง” นายแพทย์ทศพรกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น