ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิจากการที่มีคนไทยกลับเข้าประเทศแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับการกักตัวและไม่กักตัว จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาทั้งที่เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อม ทำไปอย่างฉุกละหุกกระทันหันและที่ตำหนิผู้ที่กลับมาแล้วไม่ยอมรับการกักตัวที่ทางราชการกำหนด ถึงขั้นบอกว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นต้นตอของการระบาดใหญ่ชุดใหม่เลยก็มี ส่วนนายกฯรัฐมนตรีก็สั่งให้เอาตัวผู้ที่กลับบ้านไปนั้นมากักตัวให้ได้ พร้อมกับมีประกาศตามหลังไปว่าหากไม่มากักตัวจะต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่ไม่ปรากฏว่านายกฯทราบหรือไม่ว่าเรื่องนี้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้างและจะแก้ปัญหาอย่างไรนั้น
ผมคิดว่าเราคงต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งสาเหตุความเป็นมาของปัญหาที่เกิดขึ้นให้ขัดเจนเสียก่อน เพื่อที่จะหาทางแก้ปัญหาให้ถูกทางและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นอีก
จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยผู้เดินทางกลับเข้าประเทศทั้งที่กลับบ้านไปโดยไม่ถูกกักตัวและที่ถูกนำไปกักตัวในสถานที่ของทางราชการและจากที่มีการรายงานข่าวจะเห็นว่าเหตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ราชการยังไม่มีความพร้อมในการจัดการเกี่ยวกับการกักตัว แต่ละส่วนไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างไร อำนาจตัดสินใจอยู่ที่ไหน จะชี้แจงอธิบายต่อผู้ที่กลับเข้าประเทศอย่างไร ทั้งนี้ก็เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยกระทันหัน ไม่มีการเตรียมการมาก่อนและอาจจะพูดได้ว่าเกือบจะไม่เคยทำกันมาก่อน
ในส่วนของผู้ที่เดินทางกลับมานั้น หลายคนก็อาจไม่ทราบมาก่อนว่าจะต้องถูกกักตัวโดยทางราชการเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทำกันนอกจากกรณีเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีความชัดเจนและเห็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันคือเห็นบางกลุ่มเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้กลับบ้านไปได้ แต่ตนเองจะต้องถูกกักตัวโดยไม่รู้ว่าจะอยู่ในสภาพอย่างไรก็ไม่ประสงค์จะให้กักตัว บางคนได้แสดงความวิตกว่าจะถูกกักตัวในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะเหมือนที่เคยมีภาพปรากฏอยู่บ่อยๆก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้ถูกนำตัวไปกักตัวก็เล่าว่าถูกจัดให้อยู่ห้องละ 3 คน กลัวว่าจะติดเชื้อกันเอง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ให้จัดให้อยู่ห้องละคน สภาพอย่างนี้จึงทำให้เกิดความสับสนชุลมุนขึ้น
ในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นก็ปรากฏการรายงานข่าวว่ากรมการบินพลเรือนออกคำสั่งห้ามเครื่องบินพาณิชย์ทั้งหลายบินเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 4-6 เมษายนนี้ โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า เข้าใจกันว่าเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลที่ให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศไว้ก่อน แต่ก็ย้อนแย้งกับที่รัฐบาลประกาศว่าคำสั่งให้ชะลอนั้นมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่ขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว ทำให้ผู้คนไทยที่ขออนุญาตไว้แล้วไม่สามารถเดินทางมาได้ ต้องตกค้างอยู่ต่างประเทศ บางคนขึ้นเครื่องไปแล้วต้องลงจากเครื่องกันก็มี ปัญหาที่เกิดขึนกับคนไทยในต่างประเทศที่ต้องการกลับบ้านจึงซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายปล่อยให้ชาวต่างประเทศเดินทางมาจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศได้โดยเสรี ไม่มีการกักตัว จึงไม่มีระบบกักตัวที่มีประสิทธิภาพมาตลอด 2-3 เดือน เพิ่งมาห้ามไม่กี่วันนี้ ส่วนคนไทยที่ต้องการกลับบ้าน รัฐบาลให้การดูแลอยู่เพียงบางกลุ่มเท่านั้น ระยะหลงก็มีระเบียบแปลกๆออกมา ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันมาตลอดว่ารัฐบาลจะขัดขวางหรือห้ามไม่ให้คนไทยกลับเข้าประเทศไม่ได้ รัฐบาลควรหาทางช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ในประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อให้ได้กลับบ้านโดยเร็วก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดหนักขึ้นในประเทศเหล่านั้น เมื่อมาถึงก็ให้มีการกักตัวอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพ
แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ทำ ซ้ำยังกลับทำตรงข้ามคือหาทางสร้างอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คนไทยกลับบ้านได้ง่ายๆโดยออกระเบียบที่พิสดารปฏิบัติได้ยาก รัฐบาลจึงไม่ได้คิดเตรียมระบบการกักตัวที่ดีรองรับไว้ พอสถานการณ์แย่ลงคนไทยยิ่งต้องการกลับบ้าน แทนที่รัฐบาลจะรีบเตรียมการรองรับก็กลับสั่งให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศออกไปอีก 14 วัน ผู้ที่กลับเข้ามาล่าสุดจึงต้องเจอกับสภาพที่ไม่พร้อมและกลายเป็นความโกลาหลขึ้น
ต้นตอของปัญหาทั้งหมดที่จะต้องแก้ไขเป็นอันดับแรกก็คือรัฐบาลจะต้องเลิกหาทางขัดขวางไม่ให้คนไทยกลับเข้าประเทศ ยกเลิกมาตรการต่างๆที่ไม่ถูกต้องไปเสีย แล้วแสดงความจริงใจหาทางช่วยให้คนไทยกลับเข้าประเทศเหมือนที่รัฐบาลทั่วโลกเขาทำกันอยู่
ขณะเดียวกันผมก็ยังยืนยันเช่นกันว่าผู้ที่กลับเข้าประเทศควรได้รับการกักตัวที่มีประสิทธิภาพซึ่งทางรัฐบาลต้องจัดหาสถานที่ที่ถูกสุขลักษณะและมีประสิทธิภาพกว่าที่ทำอยู่
ส่วนการจะทำให้ผู้เดินทางกลับเข้าประเทศให้ความร่วมมือให้การกักตัวนั้นไม่ควรใช้วิธีข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว แต่ควรเน้นการให้เหตุผลทำให้เห็นความจำเป็นควบคู่กับการชี้แจงว่าต้องทำตามกฎหมาย ที่สำคัญไม่ควรทำให้ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศหรือผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อกลุ่มใดๆต้องหวาดกลัวหรือเป็นที่รังเกียจเกลียดชังเพราะจะทำให้แก้ปัญหายากยิ่งขึ้น ต้องเน้นให้เกิดความร่วมมือ ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นเหยื่อของภัยพิบัติครั้งนี้ด้วยกันทั้งนั้น
สำหรับผู้ที่เพิ่งกลับเข้าประเทศและผู้ที่จะเดินทางกลับเข้ามาอีก ผมก็หวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือกับทางราชการอย่างเต็มที่ หากพบปัญหาก็ช่วยกันสะท้อนเพื่อให้เกิดการปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น