วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

"วัฒนรักษ์" ห่วง GDP ติดลบ


ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า องค์กรภาครัฐและเอกชนต่างออกมาปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ว่าจะติดลบมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดธนาคารกรุงศรีอยุธยา ออกมาประกาศว่า GDP ไทยอาจติดลบถึงร้อยละ 10.3 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก ดังนั้นจึงต้องการแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ทันต่อเหตุการณ์ ปัญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศขาดความมั่นใจในตัวรัฐบาล และแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่เพิ่งออกมายังไม่ตอบโจทย์กับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐถือว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะภาคเอกชนไม่สามารถฟื้นตัวได้เอง หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงจากภาครัฐ และหลังจากสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs หนี้สินของภาคธุรกิจและของภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ในโลกแห่งวิถีชีวิตปัจจุบัน (Now Normal) ซึ่งเป็นมิติใหม่ที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ และจะส่งผลกระทบต่อการเลิกจ้างงานอีกจำนวนมาก การแก้ไขปัญหานี้คงไม่ผิดที่จะเรียกว่า “เกาไม่ถูกที่คัน” สิ่งที่ตามมาคือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ ความน่าไว้วางใจที่นักลงทุนมีต่อรัฐบาลคงถูกบั่นทอนลงเรื่อย ๆ ด้วยน้ำมือของตัวรัฐบาลเอง

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ  ต้องสร้าง รัฐบาลแห่งความไว้ใจ (Trust Government) ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การบริหารงานภาครัฐจึงควรคำนึงถึงสถานการณ์ที่ประชาชนประสบอยู่เป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ ปรับโครงสร้างและการวางแผนงานของระบบราชการไทยให้ตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะการทำงานแบบรวมอำนาจมาไว้ที่ศูนย์กลาง นั้นหมดยุคและคงไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันอีกต่อไป หากเราดูประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นตัวอย่างจะเห็นได้ว่าการกระจายอำนาจสู่การปกครองส่วนท้องถิ่นทำให้เข้าถึงและแก้ปัญหาของแต่ละท้องที่ได้ตรงจุด เพราะแต่ละพื้นที่ย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันไป การเข้าใจและเข้าถึงปัญหาที่แตกต่างเพื่อหาทางออกที่ตอบโจทย์ของแต่ละพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุน คุณสมบัติของการเป็นรัฐบาลแห่งความไว้ใจมีดังนี้ 1. มั่นคง 2. มีสมรรถนะ 3. ซื่อสัตย์ 4. มุ่งมั่น 5. น่าเชื่อถือ 6. จริงใจ เพราะหากรัฐบาลมีคุณสมบัติเหล่านี้ ก็จะส่งผลให้นักท่องเที่ยว นักลงทุนไว้ใจ และเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง เพราะถ้าหากรัฐบาลยังคงใช้ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ประเทศไทยอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบตัวอักษร L (การฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจใช้เวลานาน) เพราะแผลเก่ายังไม่ทันหาย แผลใหม่ก็จะมาเพิ่มอีก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเราจะสามารถฝากความหวังไว้กับรัฐบาลได้อย่างไร และหากดูผลงาน 6 ปีที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ ก็จะรู้ว่าเป็นคนที่มี Fixed Mindset คือการที่คิดว่าตัวเองนั้นดีพอแล้ว ยึดติดอยู่ในกรอบเดิมๆ และไม่อยากพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ แต่ถ้าหากเปลี่ยนตัวเองเป็น Growth Mindset คือการเปิดกว้าง รับสิ่งใหม่ ๆ พร้อมรับฟังความเห็นต่างและแนวคิดแบบยืดหยุ่น ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะสามารถแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น