นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณาสุข เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด วงเงิน 111,155,700 บาท ภายหลังจากที่บริษัทคิงส์เกตฯโดย ร้องรัฐบาลไทย กรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งระงับการประกอบการกิจการเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ ทำให้เหมืองแร่ทองคำชาตรี ต้องระงับการประกอบกิจการไปตั้งแต่ปี 2560 ทั้งหมดนี้คงต้องรอว่าคำวินิจฉัยคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศจะมีคำวินิจฉัยออกมาเช่นไร
ทั้งนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะใช้คำสั่งของคสช.ไปสั่งปิดเหมืองทอง ซึ่งกระทำมิได้เพราะผิดข้อตกลงทางการค้า รวมทั้งทางคิงส์เกต ต่างประเทศเขาไม่ยอมรับ มาตรา 44 ที่คสช.บังคับใช้ เป็นแค่กฎหมายเฉพาะกิจที่มีผลแค่ในประเทศไทย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นพลเอกประยุทธ์ ประกาศว่าจะรับผิดชอบเองหากเกิดความเสียหาย มาถึงเวลานี้กลับปัดความรับผิดชอบ นำเงินภาษีของประชาชนไปใช้จ่ายในการต่อสู้คดี อีกทั้งที่ผ่านมามีการจ่ายค่าทนายความไปแล้ว 500-600 ล้านบาท แต่รัฐบาลไม่เปิดเผยกับประชาชนว่าใช้เงินในส่วนไหน
“พลเอกประยุทธ์นำราชอาณาจักรไทย เข้าสู่ข้อพิพาทกับบริษัทคิงส์เกต หากมีคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ออกมาว่าไทยแพ้ ราชอาณาจักรไทยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ต้องถามว่าพลเอกประยุทธ์ จะให้ราชอาณาจักรไทยต้องรับผิดชอบแทนความผิดที่ตัวเองก่อหรือไม่ คงต้องถามว่าพลเอกประยุทธ์จะแสดงรับผิดชอบอย่างไร หรือ คนไทยทั้งประเทศ ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหาย แทนความผิดพลาดที่พลเอกประยุทธ์ก่อขึ้น”นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น