นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย และในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2564 แถลงข่าวถึงประเด็นกองทัพเรือได้พาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยว่ากรณี G2G การจัดซื้อเรือดำของกองทัพเรือไม่ใช่ G2Gเก๊ ไม่เหมือนจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นG2G เก๊ ซึ่งตนขอชี้แจงข้อเท็จจริง ประเด็นแรกการที่คณะอนุกมธ. เสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วยในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ได้เป็นการเล่นเกมการเมืองและไม่มีปัญหาใดๆ กับกองทัพเรือ แต่เป็นการทำหน้าที่อนุ กมธ. ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบงบประมาณให้เป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจภายในภายในประเทศ
ประเด็นที่2.กองทัพเรือชี้แจงว่าในการจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 3 ลำนั้นเป็นงบประมาณของกองทัพ ความจริงคือ งบประมาณของกองทัพก็คือเงินภาษีของประชาชนจึงจำเป็นต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ประเด็นที่3 การที่คณะอนุ กมธ.คัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจประชาชนมีความเดือดร้อนจึงควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนก่อน
ประเด็นที่4. การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่มีความผูกพันใดๆ ในสัญญา และไม่มีความเสียหายแต่อาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศคือไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งรัฐบาลสามารถเจรจาได้โดยชี้แจงให้เห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยมีภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ มีปัญหาด้านงบประมาณซึ่งจีนน่าจะเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ และประเด็นสุดท้ายการทำสัญญาซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ(G2G) นั้นเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ขอให้กองทัพเรือนำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) มาชี้แจง
พร้อมขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้เจรจากับทางกองทัพเรือ ขอให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อนเนื่องจากขณะนี้ประชาชนมีความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจควรนำเงินงบประมาณมาให้ความช่วยเหลือประชาชนก่อน และยืนยันว่าตนได้ทำหน้าที่ ส.ส.และ กมธ.งบประมาณ ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบงบประมาณ ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำจากประเทศจีน 22,500 ล้านเหมาะสมหรือไม่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานการณ์โรคโควิด-19 ในขณะนี้ และไม่ได้นำประเด็นเรือดำน้ำมาเล่นเกมการเมืองและไม่ได้หวังผลโจมตีกองทัพเรือแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น