คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
มาตรการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ศบศ. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศโดยแจกเงิน 3,000 บาท ให้คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 15 ล้านคน ให้เวลาใช้ 3 เดือนโดยกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท ผ่านร้านค้าที่ขึ้นทะเบียน ทำให้ดิฉันมีความเป็นห่วงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563 รัฐบาลได้ออก พรก. กู้เงินจำนวน 1.0 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งนับเป็นการกู้เงินจำนวนมากที่สุดของประเทศ แต่จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 5 เดือน รัฐบาลก็ยังคงวนเวียนกับการแจกเงินแบบที่เคยทำมาก่อนเกิดโควิด และทำมาตลอด 6 ปีกว่าที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แปลว่ารัฐบาลยังคิดมาตรการอื่นที่ดีกว่าการแจกเงินไม่ออก ปัญหาคือจะมีปัญญาแจกเงินไปได้อีกนานเท่าไร
ผลของความล้มเหลวของการแจกเงิน ดังกล่าวแสดงออกมาในรูปของการจัดเก็บภาษี ปรากฏว่าสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม 2563 รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการถึง 267,810 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2563 การจัดเก็บภาษีอากรน่าจะติดลบเกินกว่า 300,000 ล้านบาท แสดงว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่กู้เงินมาใช้เงินอย่างมโหฬารไม่ได้ผล คาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2564 หนี้สาธารณะจะสูงเกินร้อยละ 60 ที่เป็นกรอบความยั่งยืนทางการคลังซึ่งจะทำให้รัฐบาลก่อหนี้ไม่ได้อีก แปลว่ารัฐบาลประยุทธ์จะล้มละลายทางการคลัง ความหายนะจะบังเกิดกับประชาชน
ความน่าเป็นห่วงของมาตรการแจกเงินครั้งนี้คือ เงินที่แจกที่มาจากการกู้และเป็นหนี้ที่ประชาชนต้องชดใช้ซึ่งกว่าจะใช้หนี้หมดคงใช้เวลาเกือบ 100 ปี แต่จะไม่เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยหรือเอสเอ็มอี เพราะรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จะทำให้พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายน้อยได้ประโยชน์จากเงินที่แจก โดยทำกระบวนการแจกยุ่งยากต้องใช้ผ่านแอ๊พ ซึ่งเอื้อกิจการรายใหญ่ทั้งสิ้น ถ้าคิดจะแจกให้คนจนได้ประโยชน์ก็แจกเป็น "เงินสด" เลยดีกว่า
ส่วนที่รัฐบาลคิดว่าคนไทยไม่มีกำลังซื้อจึงต้องแจกเงินแล้วทำไมจึงคิดว่าพ่อค้าแม่ค้าที่หมดตัวไปแล้วยังมีทุนไปซื้อของมาขายเพื่อรับเงินที่รัฐบาลแจกคน 15 ล้านคน ผลคือเงินที่กู้มาแจกจะไหลไปสู่กระเป๋าเจ้าสัวเพียงไม่กี่รายทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก
“กู้เงินมาแจก ก็ยังแจกไม่เป็น”
ปัญหาของรัฐบาลนี้คือการที่นายกมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีความจริงใจต่อประชาชน คิดแต่จะอุ้มคนรวย โดยอ้างคนจนบังหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น