วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2563

“พิชัย” เผย กลับเพื่อไทยตามคำเชิญ เทียบดุจบ้านที่คุ้นเคย

“พิชัย” กลับ “เพื่อไทย” เป็นรองหัวหน้าพรรคดูเรื่องเศรษฐกิจ ชี้ ปีนี้เศรษฐกิจเผาจริงชัดเจน เชื่อ เพื่อไทยแก้ปัญหาได้เพราะรู้ปัญหาไม่โกหกตัวเองเหมือนรัฐบาลประยุทธ์ 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้ตัดสินใจกลับเข้าพรรคเพื่อไทยตามคำเชิญชวนของผู้ใหญ่ที่เคารพในพรรคหลายท่าน และตนดีใจที่ได้กลับมาเพราะพรรคเพื่อไทยเปรียบเสมือนเป็นบ้านที่คุ้นเคยมาตลอด ขนาดตนอยู่ข้างนอก คนก็คิดว่าตนเป็นคนของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แม้กระทั่งสื่อหลักหลายสำนักก็ยังสนอข่าวตนว่าเป็นคนของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งให้กับประชาชนได้ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีความนิยมทรุดหนัก โดยโพลสำรวจล่าสุดพรรคเพื่อไทยยังมาเป็นอันดับหนึ่ง 19.3% โดยมี พรรคก้าวไกล 12.7% และ พรรคพลังประชารัฐ 12.3 % ตามมา แต่ยังมีประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคไหนอีก 41.5% ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องโน้มน้าวประชาชนกลุ่มนี้ให้มาเลือกพรรคเพื่อไทยให้ได้  โดยเฉพาะประเด็นทางด้านเศรษฐกิจจะเป็นจุดขายหลัก เพราะปัจจุบันประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก และเป็นความล้มเหลวของการบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งตนได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อมาดูเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าแนวทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้จะเป็นทางออกให้กับประเทศได้ และจะสามารถโน้มน้าวให้ประชาชนมาเลือกพรรคเพื่อไทยให้มากขึ้นจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ 


ทั้งนี้จากการติดตามสภาวะเศรษฐกิจของไทยพบว่ามีภาวะเสื่อมถอยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เหมือนที่ ดร. วีรพงษ์ รามางกูร อดีต  รองนายกฯ และ รมว. คลัง ได้เตือนไว้แล้วว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเผาจริง โดยล่าสุดธนาคารโลกได้ออกเตือนว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบมากที่สุดในเอเซียตะวันออก โดยจะติดลบที่ -8.3 % และอาจจะลบหนักไปถึง -10.4% และอาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจะฟื้นมาที่เดิม อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เงินอย่างสะเปะสะปะไม่ตรงจุดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ


นอกจากนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้ออกมาเตือนในหลายเรื่องเช่น ความเหลื่ยมล้ำของรายได้ที่คนรวย 10% มีรายได้มากกว่าคนจน 10% ถึง 20 เท่า อีกทั้งยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่ลูกคนรวยมีอัตราเรียนต่อปริญญาตรี 65.6 % ในขณะที่ลูกคนจนมีเพียง 3.8% เท่านั้น และคนจนในไทยเพิ่มขึ้นระหว่างปี 60-63 ต่อเนื่องจากที่ธนาคารโลกบอกในปี 58-61 ประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านคน 


ล่าสุด หนี้ครัวเรือนของไทยได้พุ่งสูงถึง 83.8% ของ จีดีพี และอาจพุ่งทะลุ 90% ในปลายปีนี้เมื่อจีดีพีของไทยจะติดลบหนักในขณะที่หนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งประชาชนจะเดือดร้อนกันอย่างมาก และที่สำคัญคือตลอดหลายปีที่ผ่านมาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแถมยังลดลงด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ รายได้ของประชาชนลดลง การส่งออกที่ไม่ขยายตัวเลยตลอด 6 ปี และการลงทุนหดหายแถมยังมีการโยกย้ายฐานการผลิตเช่น บริษัทพานาโซนิคที่เพิ่งจะย้ายออกจากไทยไปเวียดนาม 


ปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัญหาหลักของประเทศที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะตลอด 6 ปีที่ได้พิสูจน์แล้วว่าบริหารล้มเหลว ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น แต่กลับไม่ยอมรับและพยายามโกหกประชาชนมาโดยตลอด ดังนั้นพรรคเพื่อไทยได้ทราบปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าหากประชาชนให้ความมั่นใจ พรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ไขได้แน่ เพราะเรามีแนวคิดและมีบุคคลากรที่มีความพร้อม แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นเศรษฐกิจซักช่วงหนึ่ง เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีมาอย่างรุนแรงและยาวนาน แต่ยืนยันว่าจะฟื้นได้แน่ โดยหากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศต่อไปเศรษฐกิจไทยจะไม่มีทางฟื้นได้เลย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น