ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย เผยแพร่ สาส์นจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้
สาส์นจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย : สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
“ทิศทางการทำงาน ของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย”
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
เมื่อรัฐบาล ไม่อาจเป็นที่พึ่งหวังได้
พรรคเพื่อไทย จะคิดใหม่ ทำใหม่อีกครั้ง
ร่วมกับประชาชน สรรหาโอกาส เพื่อต่อสู้วิกฤติ
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
กว่า 6 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา ที่ประชาชนต้องทนอยู่ภายใต้การบริหารประเทศโดยผู้นำชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะใช้สถานภาพใด ตั้งแต่หัวหน้าคณะรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งตัวเอง จนถึงนายกรัฐมนตรีจากการสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ที่คณะรัฐประหารร่างขึ้น ชีวิตของประชาชนและชะตากรรมของประเทศก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หนำซ้ำยิ่งเลวร้ายลงทุกที
• วิกฤติทางด้านเศรษฐกิจ : ประเทศไทยต้องประสบปัญหาความถดถอยทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อถูก
ซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด-19 ประกอบกับการบริหารที่ไม่ได้มีมุมมองเชิงบูรณาการ เน้นมิติสุขภาพที่มุ่งการควบคุมโรค อันเป็นความมั่นคงด้านเดียว ยิ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศทรุดหนัก เป็นวิกฤติที่ฟ้องว่า รัฐบาลภายใต้การนำของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่าง “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไม่มีศักยภาพที่จะบริหารจัดการในภาวะวิกฤติได้ เพราะไม่เข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ การหารายได้ให้กับประเทศ รู้จักแต่เพียงใช้งบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงถือเป็นการบริหารประเทศในภาวะวิกฤติ ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
วันนี้ประชาชนทุกระดับต่างได้รับความเดือดร้อน สิ้นหวังกันถ้วนหน้า ธุรกิจต่างๆ ทยอยปิดตัว
โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและภาคบริการ รวมถึงธุรกิจอาหารจากภาคเกษตรหรือประมง และธุรกิจส่งออก ไม่รวมถึงเศรษฐกิจระดับ SME ที่ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐบาลตามที่ประกาศไว้ อีกทั้งการประกาศขยายการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง ยิ่งแสดงถึงการบริหารด้วยความกลัว ด้วยการใช้อำนาจกดทับการแสดงออกอย่างเสรี โดยการปิดปากประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนสิ้นเดือนตุลาคมที่มีข่าวเตือนรัฐบาลไว้ว่า เนื่องจากกำหนดการพักหนี้ของธุรกิจ และหนี้บุคคลจะสิ้นสุดลง ทำให้ผู้มีหนี้สินไม่อาจหารายได้มาชำระทัน กิจการการค้าจะต้องปิดตัวในจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คนตกงานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดวิกฤติในด้านอื่นตามมา ยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
• วิกฤติทางด้านการเมือง : ด้วยกฎกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ถูกจัดทำขึ้นเพื่อ
สืบทอดอำนาจของคณะบุคคลที่ทำรัฐประหาร เพื่อตอบแทนผลประโยชน์ของพวกพ้องตน ผลพวงที่ตามมาได้แสดงอย่างประจักษ์ชัดถึงปัญหาทางการเมืองมากมาย ที่ล้วนแล้วแต่ขยายความขัดแย้ง บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของประเทศ
ระบบทางการเมือง การกระจายเงื่อนไขสนับสนุนโอกาสทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ล้มเหลว ไม่วางอยู่บนหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่กลับขึ้นอยู่กับอำเภอใจของผู้มีอำนาจ จนเป็นข้อเรียกร้องของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วน อย่างกว้างขวาง ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อันเป็นต้นตอของความขัดแย้งและความวุ่นวายทั้งมวล เสียงเรียกร้องของประชาชนกำลังดังกระหึ่มทั้งแผ่นดิน แต่ผู้มีอำนาจ ผู้นำรัฐบาลกลับเพิกเฉย ไม่ให้ความสำคัญ พยายามใช้กลไกทุกวิถีทางที่จะเตะถ่วง ยื้อเวลา มองข้ามปัญหา ซึ่งยิ่งนานวันยิ่งทำให้สังคมและประชาชนรับรู้ความเปราะบางของศักยภาพและกลไกรัฐ ว่าเป็นการนำที่ไม่เคยยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
ด้วยสถานการณ์วิกฤติของประเทศดังที่กล่าวในข้างต้น พรรคเพื่อไทยภายใต้การบริหารของคณะกรรมการบริหารชุดนี้ จึงขอประกาศว่า
“เมื่อรัฐบาล ไม่อาจเป็นที่พึ่งหวังได้
พรรคเพื่อไทย จะคิดใหม่ ทำใหม่อีกครั้ง
ร่วมกับประชาชน สรรหาโอกาส เพื่อต่อสู้วิกฤติ”
พรรคเพื่อไทย จะร่วมกับประชาชน ปลดเปลื้องพันธนาการทั้งมวล มุ่งหาโอกาสฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจให้จงได้ …เราจะร่วมศึกษา ค้นหาโอกาสทางออกใหม่ๆ นอกกรอบเดิมๆ แบบรัฐราชการกำหนด ค้นหาทรัพยากร และศักยภาพที่ถูกบดบังในสังคมไทยทุกระดับ เหมือนที่เราเคยประสบความสำเร็จมาแล้วทุกครั้งที่คนของพรรคได้เป็นรัฐบาล เช่น การนำพาประเทศปลดหนี้ IMF เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวจนประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ปฏิวัติการบริการสาธารณสุขด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้าน ทั่วประเทศที่เตรียมแผนไว้ซึ่งหากไม่ประสบการขัดขวางกีดกัน เรามีรถไฟความเร็วสูงใช้แล้วในปี 2020 คือปีนี้
***พรรคเพื่อไทยจะเริ่มจากการปรับโครงสร้างการทำงานของพรรค เพื่อให้การบริหารจัดการกิจการทั้งภายในองค์กรและประสานกับภายนอก มีศักยภาพที่สอดรับกับสถานการณ์ โดยมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบใหม่ ที่สอดคล้องกับพลวัตการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรค และผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ได้ทำหน้าที่กรรมการในองค์กรนำของพรรค ร่วมคิด ร่วมประสาน ทำงานกับแนวร่วมและเครือข่ายในทุกระดับ เพื่อสร้างทางเลือกและสรรหาโอกาสในการต่อสู้กับวิกฤติความมั่นคงทุกด้านของประเทศ
พรรคเพื่อไทยยังคงยึดหลักการกระจายอำนาจ และการระดมทรัพยากรบุคคลระดับต่างๆ ของพรรคอย่างเต็มที่ ผนึกกำลัง “จากรุ่นสู่รุ่น” นำบทเรียนประสบการณ์ความรู้ของ “รุ่นผู้ใหญ่” กับศักยภาพความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความทันสมัยของการใช้ทักษะทางด้านเทคโนโลยี องค์ความรู้ที่กว้างไกลของ “คนรุ่นใหม่” เป็นสองกระแสพลังภายในพรรค ร่วมกันทำงาน รับฟังและนำความต้องการของประชาชน บุคคลสาธารณะ สื่อมวลชน มาสร้างและขับเคลื่อนแนวทางเชิงนโยบายใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
ประเด็นปัญหาหลักที่พรรคเพื่อไทยจะเร่งให้ความสำคัญ มี 3 เรื่องหลักคือ
1) การแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ
เราจะร่วมมือกับประชาชนและภาคธุรกิจ ค้นหาและสร้างโอกาสใหม่ให้แก่ SME นำความคิดริเริ่มจากบริษัทของคนรุ่นใหม่มาขยายผล ช่วยธุรกิจให้ปรับตัวสู่การค้าขายแบบ New Normal รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในภาคเกษตรเพื่อเป็นอาหาร ที่เราจะนำประสบการณ์ที่สำเร็จแล้วมาถ่ายทอด เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง
เราจะเตรียมการร่วมกับประชาชน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง ผ่านนโยบายที่ชัดเจน เช่น ทิศทางการส่งเสริมการลงทุนในทุกภาคของการลงทุน และนโยบายภาษี รวมทั้งอีกหลายนโยบายจากประสบการณ์ของเราที่สามารถสร้าง “ประชาธิปไตยกินได้” กลับมาอีกครั้ง
2) การร่วมขับเคลื่อนกับเครือข่ายทุกภาคส่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งการผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มพลังฝ่ายประชาธิปไตยของประชาชน ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในทุกระดับเริ่มจากการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพื่อทวงคืนอำนาจของประชาชนจากการสืบทอดอำนาจของฝ่ายรัฐประหาร ผ่านกลไกการเลือกตั้งที่ยุติธรรม
3) การแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ สร้างรากฐานการพลิกเปลี่ยนประเทศในระยะยาว โดยเราจะร่วมกับประชาชน ผลักดันการปฏิรูประบบการศึกษาให้เท่าทันพัฒนาการด้านเทคโนโลยี สร้างโอกาสการเข้าถึงการศึกษาอย่างเป็นธรรม สร้างพื้นฐานเรียนรู้ภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อเปิดประตูการเรียนรู้ค้นคว้าด้วยตัวเองในโลก internet ส่งเสริมเสรีภาพในการเรียนรู้ ปลดปล่อยพลังความริเริ่มสร้างสรรค์ รวมถึงการจัดการกับโครงสร้างการกระจายอำนาจออกจากราชการส่วนกลาง ร่วมกับท้องถิ่นที่มีศักยภาพ
พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันและยึดมั่น…
“ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”
ทุกจังหวะการคิด และการขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทย…
“หัวใจยังคงอยู่ที่ประชาชน”.
12 ตุลาคม 2563
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น