วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2563

"กฤษฎา" แนะรัฐเร่งดูค่าเงินบาท ซ้ำเติมเศรษฐกิจ-ส่งออกติดลบ

 “เพื่อไทย” แนะ “ประยุทธ์” จี้ “แบงก์ชาติ” ดูแลค่าบาท ชี้ ส่งออกติดลบ ค่าบาทแข็ง ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจทรุด  แนะ รัฐเร่งช่วยเหลืออุตสาหกรรมให้พ้นช่วงวิกฤตโควิด

นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย ​เขต 1 อดีตรองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะทำงานทีม​เศรษฐกิจ​พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรม เป็นหัวใจหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศ และรายได้หลักอันดับต้นๆของไทยกว่าร้อยละ 70 มาจากภาคอุตสาหกรรม วันนี้ ถึงเวลาแล้วที่ รัฐบาลควรจะหันกลับมาสนใจและใส่ใจภาคอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งถ้ามองจากโครงการส่วนใหญ่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น EEC หรือ โครงการอื่นๆ แล้วล้วนแต่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประเทศที่อุตสาหกรรมมีการพัฒนาอย่างก้าวไกล ก้าวหน้าและแข็งแรง ล้วนแล้วแต่มีอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง​ อาทิเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือแม้แต่ประเทศในทวีปยุโรป เช่น สวีเดน เดนมาร์ค​ หรือ  เนเธอร์แลนด์​


ในภาวะที่เศรษฐกิจ​โลก ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่าง จีน และสหรัฐ​อเมริกา ก่อนที่จะเกิดวิกฤติ​โควิด-19 ประเทศไทยมีเศรษฐกิจอยู่ในขาลงอยู่แล้วจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของรัฐบาล และรวมถึงความไม่เป็นประชาธิปไตย และ เสถียรภาพ​ทางการเมืองด้วย  ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่มีความต้องการจะเข้ามาลงทุนในไทยได้เบนเข็ม​ไปลงทุนในประเทศอื่น อย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย และ เมียนมาร์​ และถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป การลงทุนจะหายหมด อีกทั้งจะมีธุรกิจที่ต้องปิดตัวลงอีกเป็นจำนวนมาก คนจะตกงานกันอีกมาก 


วันนี้ ไม่เพียงแต่รัฐบาลจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับ SME แล้ว  ปัจจัยสำคัญ ที่เอื้ออำนวยในการส่งเสริมการส่งออกคือ ค่าเงินบาท ที่ยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่อาจจะแข็งค่าขึ้นอีก หลายธุรกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก มียอดขายตกลงร้อยละ 30-40 หรืออาจจะแย่กว่านั้นในบางราย ซึ่งการพักชำระหนี้เองก็ได้สิ้นสุดลงแล้วในวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือว่า คำว่าการเผาจริง สุดท้ายแล้วอาจจะไม่เหลืออะไรไว้ให้เผาเลยก็ได้ จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์จี้แบงก์ชาติที่มีผู้ว่าการฯคนใหม่ ให้ดูแลค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง เพื่อช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมส่งออกให้สามารถแข่งขันได้ เพราะปัจจุบันการส่งออกของไทยใน 9 เดือนที่ผ่านมาได้ ติดลบถึง - 7.33% แล้ว 


แม้แต่วันนี้ที่คนรุ่นใหม่ออกมาประท้วง ก็เพราะอาจจะมองไม่เห็นอนาคตของเขาเองในมือทีมเศรษฐกิจ​และทีมที่บริหารประเทศในปัจจุบัน จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ติดลบทุกด้าน ความเชื่อมั่นทั้งภายนอกและภายในประเทศหายหมด วันนี้คำว่า ทำดีที่สุดแล้ว อาจจะยังไม่เพียงพอในภาวะที่ไม่ปกตินี้ คำถามที่สำคัญก็คือ แล้วเมื่อไหร่ ไทยจะเดินหน้าต่อกันได้สักที ไทยเดินถอยหลังมานานมากแล้วจริงๆ หากพลเอกประยุทธ์ยังไม่เข้าใจก็ไม่ควรจะบริหารประเทศนี้อีกต่อไปแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น