วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563

"เผ่าภูมิ" เสนอรัฐ 4 ข้อ เลี่ยงล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

ศูนย์นโยบายเพื่อไทย เสนอ 4 แนวคิด ล็อกดาวน์-คุมโรค อย่างไรให้สมดุล ค้านล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอศูนย์นโยบายฯพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการล็อกดาวน์และคุมโรคให้สมดุล ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ การล็อกดาวน์ทั้งประเทศนั้นต้องไม่เกิดจากการตัดสินในมิติของความรู้สึก ความกลัว และความตระหนก แต่อยากให้พิจารณาเงื่อนไขการสากลที่ใช้เพื่อตัดสินการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ นั่นคือ 1. ล็อกดาวน์เมื่อจำนวนผู้ป่วยสูงกว่าระบบสาธารณสุขรับมือไหว นำไปสู่การเสียชีวิตในอัตราเร่ง และ 2. ล็อกดาวน์เมื่อระบบติดตาม สืบสวน ค้นหา นั้นได้ล้มเหลวและไม่สามารถหาทิศทางการกระจายของโรคได้อีกต่อไป ซึ่งทั้ง 2 เงื่อนไขนี้ ปัจจุบันประเทศไทยเราไปไม่ถึง ฉะนั้นอยากให้เรียนรู้บทเรียนจากในอดีตที่ใช้การล็อกดาวน์ทั้งประเทศอย่างไม่สมเหตุสมผล ทำให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงและเกินความจำเป็นไปมาก

2. หากจะต้องล็อกดาวน์ การล็อกดาวน์เชิงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า โดยเน้นไปที่พื้นที่ก่อกำเนิดโรค พื้นที่การกระจายของโรค แต่ทั้งนี้ถ้าจะล็อกดาวน์ตรงไหน ต้องใช้ความเข้มงวดแบบจริงจัง เพราะต้นทุนของการล็อกดาวน์นั้นสูง มิใช่ล็อกดาวน์ให้ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ แต่ปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายของกลุ่มเสี่ยงไปมาได้อย่างเสรี 

3. การตรวจโรคเชิงรุกกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นต้นตอของการระบาดครั้งนี้ ต้องคิดแยกกันระหว่างปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการต้องค้นหาโรคเร่งด่วน กับปัญหาระยะยาวเรื่องการลักลอบของแรงงานผิดกฎหมาย หากนำสองเรื่องนี้มารวมกันแล้วใช้แนวทางด้านกฎหมายรุนแรงจัดการอย่างเดียวแล้วผลคือ แรงงานต่างด้าวจะหลบหนี กบดานและกระจายตัวไปทั่วประเทศ เพื่อหลบเลี่ยงความผิดด้านกฎหมาย ทั้งนี้ควรแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน โดยการตรวจโรคแรงงานต่างด้าวกลุ่มเสี่ยงให้มากที่สุด โดยการตรวจแบบไม่ระบุตัวตน โดยยึดหลักมนุษยชน หลีกเลี่ยงการขู่จับกุมในช่วงนี้ เพราะจะยิ่งสร้างปัญหาการกระจัดกระจายของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 

4. ประชาชนอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ในรอบนี้เกิดจากผู้มีรายได้น้อย ผู้ใช้แรงงานต่างด้าว พ่อค้าแม่ค้าในตลาด รัฐบาลต้องเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตซึ่งการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในช่วงแรก มีผลอย่างมีนัยสำคัญของการระบาดของโรค รัฐบาลต้องเร่งจัดหาและกระจายหน้ากากอนามัยให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย หากจัดหาหน้ากากอนามัยให้ประชาชนอย่างพอเพียงแล้ว แนวคิดการบังคับการสวมหน้ากากอนามัยก็สมควรนำมาพิจารณา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น