"ชวลิต" ท้วงการใช้ถ้อยคำหยาบคายว่ากล่าวอดีตนายกรัฐมนตรีสองท่านของเพื่อไทย หวังการเมืองปี 64 สร้างสรรค์ สู่ประชาธิปไตยที่เป็นธรรม
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีมีการว่ากล่าว ดร.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยถ้อยคำเสียดสี หยาบคาย ไม่ควรออกจากปากนักการเมืองผู้ทรงเกียรติ ในระบอบประชาธิปไตยเห็นต่างได้ แต่ควรติติงในทางสร้างสรรค์ เริ่มปีใหม่ ศักราชใหม่ ปี 2564 ควรเริ่มสร้างความหวังในเรื่องดีงามที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติ
ผมตั้งความหวังการเมืองปี 2564 ว่าจะเป็นปีที่ประชาชนจะได้เห็น time line การแก้ รธน.ให้เป็น รธน.ของประชาชน เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศ เดี๋ยวนี้เราตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทันแล้ว เขาเริ่มทิ้งห่างเราไปเรื่อย ๆ ส่วนประเทศเราถอยหลังเข้าคลอง แต่ที่เพื่มขึ้นและคนไทยทุกคนต้องแบกรับภาระ คือ หนี้สินประเทศ หนี้ครัวเรือน และคนจนเต็มบ้านเต็มเมือง
ความจริงแล้ว ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีผลงานที่มีคุณูปการต่อบ้านเมืองมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนด 2 ปี ทำให้ประเทศชาติและประชาชนลืมตาอ้าปากได้มาจนปัจจุบันนี้ และโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค เข้าถึงประชาชนผู้ยากไร้อย่างทั่วถึง จนได้รับการยกย่องไปทั่วโลก ฯลฯ
เมื่อเปรียบเทียบกับในปัจจุบัน รัฐบาลได้กู้เงินมาบริหารประเทศมากมายมหาศาล ถ้าบ้านเมืองยังเป็นเช่นนี้ ใช้เวลาอีก 100 ปี ก็ใช้หนี้ไม่หมด
เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่รัฐบาลนี้ใช้งบประมาณมาก ใช้เงินกู้มาก แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่กลับยากจน คนจนเต็มบ้าน เต็มเมือง เพราะมีการรั่วไหลของงบประมาณมาก เห็นได้จากการที่ประธาน ปปช.ได้ปาฐกถาพิเศษ ในวันต่อต้านคอรัปชั่นสากล เมื่อ 9 ธ.ค.63 ที่ผ่านมาว่า "ยุคนี้มีเงินแผ่นดินรั่วไหลเฉียดสามแสนล้านบาท" สะท้อนความจริงให้ประชาชนและชาวโลกรู้ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะรัฐบาลนี้อ้างว่าตั้งใจเข้ามาปราบโกง แม้แต่รัฐธรรมนูญยังตั้งชื่อกันเองว่า "รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง" แต่กลับมีการโกงกันเต็มบ้านเต็มเมือง จับมือใครดมไม่ได้ ได้แต่ปลาซิว ปลาสร้อย หรือที่ไม่ใช่พวกพ้อง
ส่วนกรณีกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ขอให้ไปดูข้อกล่าวหาของ ปปช.ให้ดีว่า ไม่ได้ตั้งต้นตั้งข้อกล่าวหาว่าท่านทุจริต ส่วนจะมีการทุจริตตรงส่วนใด หรือไม่ ก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง แต่ข้อมูลเชิงประจักษ์ คือ การมีโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถใช้หนี้ใช้สิน ซื้อที่นากลับคืน ซื้อรถปิคอัพ มอเตอร์ไซค์ รถไถนา ฯลฯ กันถ้วนทั่ว เศรษฐกิจหมุนเวียนหลายรอบจากล่างสู่บน ตรงกันข้ามกับปัจจุบันที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดการรวยกระจุก จนกระจายความเหลื่อมล้ำสูง ชาวนาทุกข์ยาก เพราะมีแต่หนี้สิน รกรุงรัง จนกระทั่งจะขายนากันหมดแล้ว
ผมให้ความเห็นดังกล่าวข้างต้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยฟังเสียงประชาชนในพื้นที่สะท้อนมาว่า การเมืองปี 2564 ควรเป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ควรเป็นความหวังของประชาชนที่จะร่วมกันผลักดันรัฐธรรมนูญของประชาชนเพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศ และร่วมกันเสนอแนะแก้ไขปัญหาวิกฤตเฉพาะหน้า คือ การระบาดของไวรัสโควิด - 19 รอบใหม่ ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี
สรุป การเมืองปีใหม่ เริ่มศักราชใหม่ ควรเริ่มอย่างสร้างสรรค์ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น