ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเป็นธรรม (FAIR Party)เผยแพร่ แถลงการณ์ กรณี ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ การบริหารจัดการวิกฤตโควิด–19 ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
แถลงการณ์ “พรรคเป็นธรรม”
กรณี ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ การบริหารจัดการวิกฤตโควิด–19
ข้อคิดเห็นของพรรคเป็นธรรม
1. นับตั้งแต่ วิกฤต โควิด-19 ที่ลามระบาดไปทั่วโลกและส่งผลกระทบถึงประเทศไทยอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน “พรรคเป็นธรรม” มีความเห็นว่า รัฐบาลขาดวิสัยทัศน์ และการปฏิบัติการที่ล้มเหลว เนื่องจากรัฐบาล มุ่งแต่นโยบายเชิงรับ ด้วยการควบคุม และป้องกันเท่านั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะผู้ประกอบกิจการธุรกิจระดับรายย่อย และผู้มีรายได้ลักษณะหาเช้ากินค่ำ
การเยียวยาของรัฐบาล ก็เป็นการดำเนินการก่อหนี้ และแจกเงิน โดยขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการให้เกิดการหมุนเวียนอย่างทั่วถึง รวมทั้งขาดความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งภาระหนี้สินของประเทศ ก็จะตกถึงประชาชนทุกคนเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน
นอกจากนั้น การออก พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยอ้างถึงสภาวะการณ์การควบคุมด้านสาธารณสุข เพื่อหวังให้มีความเคร่งครัดเด็ดขาด แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ แม้ประชาชนทั่วประเทศให้ความร่วมมือ ตั้งการ์ดอย่างรัดกุม และยอมเจ็บตัว ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่การแพร่ระบาดกลุ่มใหญ่ กลับเกิดจากภาครัฐ และอภิสิทธิ์ชน กลุ่มย่อย ซึ่งในที่สุด ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อการลุกลามใดๆทั้งสิ้น แสดงให้เห็นถึง “ความไม่เป็นธรรม” และการขาดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนพิเศษ
ทั้งหมดนี้ คือความล้มเหลวในเรื่องวิสัยทัศน์การบริหารจัดการ เชิงรับ และรุก ต่อวาระวิกฤติการสาธารณสุขของประเทศ รวมทั้งยังสะท้อนให้เห็นการเป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์ชน ที่มุ่งเข้มงวดต่อประชาชนระดับ “คนธรรมดา”
แต่ผ่อนคลายกับประชาชนเฉพาะกลุ่มระดับ “คนพิเศษ”
2. เมื่อการแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2564 รัฐบาลที่ขาดวิสัยทัศน์จึงไม่สามารถจัดหา
วัคซีนได้ทันท่วงที ในเชิงปริมาณ และคุณภาพ
เนื่องจากความประมาท ชะล่าใจ และไม่มีความ
สามารถในการมองการณ์ไกล ในการปฏิบัติการ
เชิงรุก ที่จะต้องสั่งซื้อ และจัดหาวัคซีนให้พร้อมไว้ก่อน
โดยเร็ว เพื่อรองรับกับเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งผลที่เกิดขึ้น
จึงเป็นที่ประจักษ์ว่า รัฐบาลบริหารภาวะวิกฤติแบบรายวัน และไม่เคยมีแผนล่วงหน้า รองรับในเชิงรุกใดๆทั้งสิ้น
ยิ่งภายใต้สภาวะวิกฤติ และการขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล กรณีความไม่พอเพียงของวัคซีน ความไม่แน่นอนเรื่องระยะเวลา ความสับสน และวิธีการเข้าถึง และวิธีการกระจายวัคซีน ทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ ให้ทั่วถึงประชาชนในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด ก็เริ่มส่งผลให้ผู้บริหาร และประชาชนในระดับจังหวัด และท้องถิ่นต่างๆเริ่มมีความคิด ความต้องการในการเข้าถึงวัคซีนให้เร็วที่สุด และในที่สุด จะมีสภาพเสมือนการแก่งแย่ง การเสนอผลประโยชน์ ฯลฯ ซึ่งยิ่งจะส่งผลต่อ “ความไม่เป็นธรรม” ในสังคมให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจกลายเป็นความขัดแย้งกันเองของประชาชนในแต่ละจังหวัด
การสื่อสารของรัฐบาล ก็มีความสับสน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขาดเอกภาพระหว่างหน่วยงานและมีลักษณะเสมือนการเล่นการเมืองกันเอง ของภาครัฐ หน่วยงานราชการ และภาคการเมือง บนความทุกข์ ของประชาชนทั้งประเทศ
นอกจากนั้น ความด้อยประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ใช้ เช่น แอปพลิเคชั่นต่างๆ ก็ทำให้ประชาชนไม่มีความมั่นใจในข้อมูลข่าวสารใดๆทั้งสิ้น ที่มาจากรัฐบาล ก่อให้เกิดความหวาดระแวง ความไม่มั่นใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ จนเสมือนประเทศนี้ ไม่มีรัฐบาลที่เชื่อใจได้อีกแล้ว ทำให้ประชาชนต้องช่วยเหลือตนเองตามอัตภาพ
ทั้งหมดนี้คือความล้มเหลวในการบริหารราชการ และการสื่อสารของรัฐบาล ที่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนในยามวิกฤติได้เลยโดยแท้จริง
ข้อเสนอแนะของพรรคเป็นธรรม
“พรรคเป็นธรรม” มีความคิดเห็นในการบริหาร
จัดการ ภาวะวิกฤติ โควิด-19 ดังนี้
1. รัฐบาลต้องตั้งสติและพิจารณาให้รอบคอบว่า
จะมีความสามารถในการจัดหาวัคซีนยี่ห้อใด
จำนวนเท่าใด ภายในระยะเวลาใด นับจากนี้ จนถึงสิ้นปี เพื่อการกระจายให้ทั่วถึงประชาชนทั้งประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
2. รัฐบาลต้องมี “แผนแม่บทการกระจายการฉีดวัคซีน” จากผลการพิจารณาในข้อที่ 1 เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งในด้านความพอเพียง และประสิทธิภาพของวัคซีน โดยเฉพาะความแน่นอนของเวลาที่จะได้รับการฉีดวัคซีน
3. รัฐบาลต้องมีทีมงานด้านการสื่อสารในการชี้แจง สื่อสารแบบ 2 ทาง กับประชาชนทุกระดับ ทุกพื้นที่ เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลของ “แผนแม่บทการกระจายการฉีดวัคซีน” ตามข้อ 2 เป็นไปโดยมีเอกภาพ และมีประสิทธิผลเป็นอย่างยิ่ง
4. รัฐบาลต้องมี “แผนแม่บทการกระจายอำนาจ งบประมาณ ทรัพยากร และความรับผิดชอบลงสู่ระดับ จังหวัดและท้องถิ่น” โดยเร็ว เพื่อลดการรวมศูนย์อำนาจ การผูกขาด และผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อประเทศ และประชาชนในภาพรวม
5. รัฐบาลต้องมี “แผนแม่บทในการติดตามประเมินผลกระทบ” จากการฉีดวัคซีน เพื่อนำมาปรับปรุง และพัฒนาในปีต่อๆไป
“พรรคเป็นธรรม” เป็นพรรคใหม่ ที่กำเนิดขึ้นมาภายใต้บริบทการเมืองใหม่ที่ประชาชนต้องการ “ประชาธิปไตยที่เป็นธรรม” และมีนโยบายในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนด้านสาธารณสุข “เกิด แก่ เจ็บ ตาย”
ให้กับทุกคน ทุกพื้นที่ อย่าง “เป็นธรรม”
#เป็นธรรม ด้วย “ประชาธิปไตย”
สังคมไทย จะต้อง “เป็นธรรม”
#ประชาธิปไตย ที่ “เป็นธรรม”