ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากอิทธิพลของพายุ “เตี้ยนหมู่” ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักมากในพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ซึ่งอันตรายต่อการเดินเรือ และหลายจังหวัดต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งทางหลวงไม่สามารถสัญจรได้แล้วถึง 34 แห่ง สร้างความยากลำบากให้กับคนไทยเป็นจำนวนมาก แถมยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลพึ่งเปิดให้ท่องเที่ยว ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่มียุทธวิธีในการแก้ไขปัญหาน้ำอย่างจริงจังและเร่งด่วน ก็จะยิ่งทำลายเศรษฐกิจไทย ซ้ำเติมจากเดิมที่แย่มากอยู่แล้ว ให้ยิ่งแย่หนักเพิ่มขึ้นไปอีก และจากการที่เราดูอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่นั้นล้วนแต่มีปริมาณน้ำที่มากกว่า หรือเท่ากับร้อยละ 80 ของปริมาณความจุของอ่างฯ เช่น แม่มอก ลำพระเพลิง ขุนด่านปราการชล มูลบน ประแสร์ หนองปลาไหล และนฤบดินทรจินดา และยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะออกนโยบายใดที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่เศรษฐกิจไทยทรุดหนักที่สุดในรอบ 20 ปี ประชาชนตกงาน ขาดรายได้ แถมต้องมาเจอกับปัญหาน้ำท่วมอีก ซึ่งต้นเหตุนั้นเกิดจากความไม่พร้อม ขาดความเข้าใจ และทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทยให้แก้ไขปัญหากันเอาเองหรือไม่อย่างไร แต่สิ่งเดียวที่ประชาชนเห็นในตอนนี้มีเพียงการแย่งกันลงพื้นที่น้ำท่วมของฝ่ายรัฐบาลเพียงเท่านั้น
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า พรรคพลังประชารัฐ ควรเลิกเล่นเกมส์การเมือง ชิงดีชิงเด่น แล้วหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งอย่างจริงจัง พรรคเพื่อไทย จึงขอเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาดังนี้
1. จัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องกู้เงิน อาทิเช่น การสร้างเขื่อนและประตูเพื่อกันน้ำทะเลหนุนและจัดทำประตูเพื่อระบายน้ำลงทะเลรอบกรุงเทพฯ/สมุทรปราการ พร้อมจัดทำนโยบายเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงการสร้างพื้นที่แก้มลิงตามแนวพระราชดำริ ในแนวบริเวณที่ลุ่มของแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศ รวมถึงแม่น้ำโขงด้วยเพื่อเก็บกักน้ำไว้ในเวลาที่น้ำมามากเรียกว่าเบรคน้ำ สำหรับเก็บไว้ใช้ในยามที่น้ำมีน้อย
2. ขุดเขื่อนและแม่น้ำสายหลักที่ไม่ไกลกันมากให้เข้าหากันเหมือนดังที่เคยทำมาแล้ว โดยเชื่อมแม่น้ำยมเข้ากับแม่น้ำน่าน ซึ่งจะทำให้สามารถผันน้ำได้ตามปริมาณของน้ำได้
3. สนับสนุนการสร้างป่าชุมชน 1 หมู่บ้าน 1 ป่าชุมชน เพื่อทำให้เกิดพื้นที่ชุ่มน้ำมากขึ้น
4. ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และแนะนำชาวบ้านในการปลูกหญ้าแฝกเพื่อกันดิน (Soil Erosion) ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9
ปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง ทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายโดยตลอดมาเป็นระยะเวลาช้านาน และหลายครั้งที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรนำนโยบายข้างต้นทั้งหมดไปใช้ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ได้อย่างยั่งยืน เพราะการทำเพียงแค่บางข้อนั้นจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมา ยอมรับว่า ไม่สามารถแก้น้ำท่วมได้ 100% คงยากที่ประชาชนจะเชื่อว่าสามารถทำได้ถึงขนาดนั้น เพราะเพียงแค่รัฐบาลสามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้หนึ่งส่วนสี่ของปัญหา ก็ถือว่าดีแล้วในสายตาของประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น