ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับจุดยืนของพรรคต่อ ม.112 หลังจากนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทย มีเนื้อหาสรุปว่า ยืนยันเจตนารมณ์พรรคเพื่อไทย พร้อมนำข้อเสนอแก้ ป. อาญามาตรา 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา ก่อนที่ล่าสุด นพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะให้สัมภาษณ์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นผู้เสนอแก้แต่จะเป็นเพียงตัวกลางรับเรื่องเข้าสู่สภาเท่านั้น
ซึ่ง นพ.ชลน่านระบุถึงจดหมายเปิดผนึกว่า ในมุมของการสื่ออาจจะทำให้งง แต่เจตนาและจุดยืนที่ออกจดหมายเปิดผนึกของพรรคเพื่อไทยที่ออกเมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมานั้นชัดอยู่แล้วว่า เราเองมุ่งมั่นที่จะรับข้อเสนอข้อร้องเรียน โดยเฉพาะน้องๆที่ถูกกระทำโดยกม.ที่ไม่เป็นธรรมเช่นกม.ม.112 ที่มาใช้ลงโทษเขา เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบ ทำให้คนเดือนร้อน แตกแยก กระทบทุกฝ่าย เราเห็นวันทางแก้ปัญหา ในฐานะพรรคการเมือง นิติบัญญัติก็พร้อมรับเรื่องเหล่านั้นเข้าสู่สภาเพื่อนำสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาตามประเด็นที่ยื่นเข้ามา เรื่องนี้ชัดเจนอยู่ในตัว ไม่ได้ถอยหรือยกเลิกเจตนารมณ์
ส่วนกรณีที่มีการออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยโดยนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แล้วทำให้เข้าใจว่าเพื่อไทยจะมีบทบาทนำในการแก้กฎหมาย มาตรา 112 นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า หากจะตีความเข้าใจอย่างนั้นก็ไม่ได้คลาดเคลื่อนอะไร เพราะการที่เขียนอย่างนั้นมันมีกระบวนการ กระบวนที่จะแก้ไขในเรื่องรัฐสภาไม่ใช่เฉพาะเรื่องการแก้ไขตัวบทกฎหมายอย่างเดียว หากน้องๆเห็นว่าถูกกระทำโดยกฎหมายบังคับใช้โดยไม่ชอบก็จะเป็นปัญหาหนึ่ง แต่ปัญหาหลักๆเรื่องแรกคือการบังคับยับยั้งการบังคับใช้โดยไม่ชอบนี่เป็นเรื่องแรก ทำอย่างไรให้การบังคับใช้กฎหมายใช้อำนาจล้นเกิน ทั้งตำรวจ อัยการ ฝ่ายตุลาการ กระบวนการเหล่านี้จะต้องถูกตรวจสอบระงับยับยั้งก่อน เป็นกระบวนการแรก เป็นปัญหาเฉพาะหน้า เราหมายความอย่างนั้น หากยื่นขอแก้ไขกฎหมายก็จะเป็นกระบวนการของสภาไป เราไม่มีสิทธิที่จะบอกว่าเราแก้ได้จะเป็นการพูดเกินหน้าที่ การใช้อำนาจทางกฎหมายโดยไม่ชอบโดยการดึงเอาสภาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง รัฐบาลนี้แย่ที่สุดคือเอาสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อันนี้เราต้องปกป้อง ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 หรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราเองไม่เคยมีความคิดที่จะยกร่างในเรื่องนี้ เราเพียงแต่ว่าหากมีฝ่ายไหน เช่นฝ่ายประชาชนส่งเข้ามาก็ถือว่าเป็นปัญหา เรามองในมุมที่จะปกป้องสถาบันนั้นมีทั้งแรงสนับสนุน แรงต่อต้าน ถ้าเราไปกระทำเองในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทยมันเหมือนกับไม่ฟังเสียงรอบด้าน ดังนั้นเราพังเสียงรอบด้านทั้งสนับสนุนทั้งต่อต้านเรารับเข้ามาหมดและตัดสินในรัฐสภาครับ สำหรับกระบวนการรับข้อเสนอจากน้องๆ หรือผู้เดือนร้อนที่ส่งเข้ามาขณะนี้มีการรวบรวมรายชื่อเสนอให้แก้ไข บางมุมขอให้ยกเลิก เป็นสารตัั้งต้นที่ส่งเข้ามาแล้วกระบวนการก็ดำเนินไปตามนั้น เพราะมีช่องทางในการนำเข้าสู่สภา การผลักดันเข้าสู่สภาหากไม่มีเสียงของสมาชิกก็ไม่เป็นผล ตั้งผลักดันเข้าระเบียบวาระก่อน
ต่อข้อถามที่ว่าท่าทีสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นเป็นเพราะเพิ่งคิดได้หรือเป็นเพราะ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งโพสต์แสดงท่าทีเกี่ยวกับ ม.112 ไปก่อนหน้านี้ออกมาสะกิดเตือน
นพ.ชลน่าน ระบุว่า ท่าทีสุดท้ายเป็นผลสืบเนื่องจากแถลงการณ์ฉบับแรก เพียงแต่มาเน้นย้ำในนามของพรรค และพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าเรามีจุดยืนโดยรวมภาพใหญ่เป็นแบบนี้ ไม่ก้าวล่วงการตัดสินใจของแต่ละพรรคแต่ละบุคคลที่เป็น ส.ส. เรื่องที่พรรคแกว่งหรือไม่แกว่งอย่างไรก็ยอมรับเพราะเป็นความเห็นของสังคม การตีความย่อมแตกต่างกันไป ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังมีจุดยืนเหมือนเดิม ความเห็นของอดีตนายกฯรัฐมนตรี ก็เป็นมุมมองที่ท่านประสบว่าสมัยก่อนการบังคับใช้ไม่มีปัญหา ไม่ใช่ตัวบทไม่มีปัญหาเท่าที่ผมดูในเนื้อหา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น