ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 2 วันที่ผ่านมานั้นเกิดปรากฏการณ์อากาศเปลี่ยนแปลงหนาวแบบฉับพลัน ส่งผลกระทบ ทำให้มีคนป่วยและตาย ดังนั้นรัฐบาลจึงควรรีบที่ออกมาแจ้งเตือนให้ทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนที่ไม่ได้รับข้อมูล จะได้มีเวลาได้เตรียมตัว และรัฐควรที่จะเร่งบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วน เพราะอากาศที่อาจจะหนาวลงอีก 2- 3 วัน อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่ขาดความพร้อมเป็นอย่างมาก และจากการที่มีกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย ว่าเป็นปรากฎการณ์ Polar Vortex นั้น เป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะตามปกติแล้ว Polar Vortex มักจะเกิดขึ้นกับซีกโลกเหนือที่มีพื้นที่ติดต่อกับแอนตาร์กติก หรือซีกโลกใต้ที่ติดกับอาร์กติก เท่านั้น แต่การที่มีความกดอาการสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณไทยตอนบน จนถึงภาคใต้ตอนบน ทำให้ประเทศไทยอากาศแปรปรวน มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีลมแรง ทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราควรเฝ้าระวัง เพราะสภาพอากาศแปรปรวนแบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว และอาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติที่อาจจะเกิดความเสี่ยงในเรื่องของน้ำท่วมใหญ่คล้ายในช่วงปลายปี พ.ศ. 2554 หรือไม่ ?
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ภายใต้ปรากฏการณ์ “ลานีญา” ซึ่งในเดือนเมษายน เกิดอากาศหนาว เดือนพฤษภาคม ฝนอาจจะมาเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรที่จะจัดเตรียมมาตรการเพื่อรองรับ กักเก็บน้ำตามความจำเป็นของสถานการณ์ ซึ่งปริมาณฝนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนและทิศทางของพายุที่ส่งผลกระทบ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการระหว่างประเทศ ว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernment Panel on Climate Change: IPCC) ซึ่งตามข้อตกลงปารีส ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสมัชชาสหประชาชาติ ภายในปี 2030 มีการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมาก และหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส จะส่งผลกระทบด้านนิเวศวิทยา ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และผลกระทบด้านสุขภาพ ลูกหลานเราจะอยู่กันอย่างไร และรัฐบาลมีมาตรการและโครงการอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรมในการที่จะรับมือและแก้ไขปัญหาโลกร้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น