วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"ทวี" หนุนนโยบาย 5อ.-รัฐสวัสดิการ แก้เหลื่อมล้ำ-อยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ นำคณะ ประกอบด้วย นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ นายนัฐพล กาวินคำ แกนนำกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาชาติ และอดีตผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดปทุมธานี พรรคประชาชาติ นางสาวธนัญญรัชช์ เศรษฐาธิรัชฎ์ นายไชยพล เดชตระกูล นายพลรักษ์ รักษาพล คณะทำงานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ รวมทั้งกลุ่มเยาวชนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สนับสนุนพรรคประชาชาติ เดินทางมาพบเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในเวทีสัญจร พรรคการเมืองฟังเสียงคนจน ครั้งที่ 3 ชวนสนทนา​ ในประเด็น จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน : รัฐสวัสดิการ สิทธิในที่อยู่อาศัย สิทธิการศึกษา สิทธิสุขภาพ สิทธิแรงงาน โดยมีเครือข่ายสมัชชาคนจน 72 องค์กร ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคีคนจน เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น รับฟังปัญหา ข้อเรียกร้อง และความต้องการของเครือข่ายเกษตรกรต่อพรรคการเมือง การนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญคนจน การนำเสนอนโยบายของพรรคการเมือง การแถลงจุดยืนพรรคการเมืองต่อการเขียนรัฐธรรมนูญ และเวทีวัฒนธรรม

พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า นโยบายของพรรคประชาชาติให้ความสำคัญกับรัฐสวัสดิการทุกเรื่อง เพราะเห็นว่าการแก้ปัญหาของชาติในปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนได้ นอกจากการนำรัฐสวัสดิการมาใช้ แต่ก่อนอื่นต้องมีการปรับโครงสร้างของประเทศ ระบบการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะงบประมาณไม่ได้ถูกกระจายเข้าไปในท้องถิ่นและชุมชน นโยบายการศึกษาของพรรคประชาชาติ คือ การเรียนฟรีมีคุณภาพถึงปริญญาตรี ขณะที่รัฐธรรมนูญมาตรา 54 วรรค 6 บัญญัติว่า เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ให้รัฐบาลจัดกองทุนให้ผู้ยากไร้ ปรากฏว่า รัฐบาลไปจัดตั้ง “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” ขึ้นมา แต่กลับไปใช้กับการเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งมีเงินอยู่แล้ว  


ส่วนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ในยุคอำนาจนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดิมดอกเบี้ย 1 สลึง ปรากฏว่า มาแก้ตอนปี 2560 ให้เป็น 7.5 บาท (ร้อยละ 7.5) บวกเบี้ยปรับอีก 18 บาท (ร้อยละ 18) เป็น 25.50 บาท (ร้อยละ 25.50) คือไปหากินกับคนที่ต้องการจะมีอนาคต


สำหรับสวัสดิการถ้วนหน้า มีให้อย่างเดียวคือ “ข้าราชการ” ที่ได้สิทธิ์รักษาพยาบาล ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ควรมีการควบรวมบัตรสวัสดิการต่างๆ ของประชาชน ซึ่งได้มีการศึกษาแล้วว่าสามารถทำได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้พรรคได้เคยเสนอ “บำนาญถ้วนหน้า 3,000 บาท” เมื่อปี 2563 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตีตก แล้วขณะนี้มาผลักดัน “บำนาญถ้วนหน้า”  


“จุดเริ่มต้นของปัญหา คือ ประเทศเคยมีกรมประชาสงเคราะห์ เมื่อถูกเปลี่ยนเป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กระทรวง พม.) ขึ้นมา คนเหล่านี้มักจะมองคนไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และต้องแสดงความเดือดร้อนก่อน ถึงจะได้รับการสงเคราะห์  ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัย หากพรรคฝ่ายค้านได้เป็นรัฐบาล จะต้องจัดสรรที่อยู่ให้กับประชาชน เพราะมีที่ดินว่างเปล่าจำนวนมากที่สามารถทำได้” 

การจะแก้ปัญหาของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำ 4 ด้าน ทั้งรายได้ ศักดิ์ศรี พื้นที่ และความยุติธรรม มีวิธีการเดียวคือจะต้องผลักดันให้เป็น “รัฐสวัสดิการ” ต้องมีสวัสดิการถ้วนหน้าให้ประชาชนอย่างเสมอภาค ปัญหาอุปสรรคของรัฐสวัสดิการ มันติดอยู่ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีคำที่เขียนไว้ว่า ‘ความมั่นคงของรัฐ’ / ‘ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี’ / ‘เป็นภัยต่อสาธารณะ’ / ‘เป็นผู้ยากไร้’ 2 แล้วก็คำว่า ‘ตามที่กฎหมายบัญญัติ’ ทั้งหมดเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด เมื่อเขียนไว้เช่นนี้แล้ว อย่าคิดเลยว่าจะเป็นรัฐสวัสดิการได้ เพราะรัฐสวัสดิการคือสิทธิต้องเสมอกัน เช่น 3,000 บาทบำนาญถ้วนหน้า รวยที่สุดถึงจนที่สุดก็ต้องได้ 3,000 บาทเท่ากัน เราไม่แบ่งแยกคน

"พรรคประชาชาติเสนอว่า ต้องแก้ที่ 5 อ.ให้ทุกคนมีครบ คือ 1.อาหาร  2.อาชีพ 3.อนามัย 4.โอกาส 5.อัตลักษณ์  ส่วน 1 อ. ที่จะต้องไม่มีในสังคมคือ ความอยุติธรรม หรือความไม่เป็นธรรม เพื่อแก้ปัญหาวันนี้ เราหนีไม่พ้นแล้วที่ต้องมีรัฐสวัสดิการ" เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว 



ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรม พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง ได้นำคณะ อุดหนุนผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายสมัชชาคนจน จากพื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์ , บ้านหนองยายโต๊ะ อำเภอชัยบาดาล จังหวังลพบุรี และบ้านเก้าบาตร อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เดินทางมาเปิดร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านบริเวณโดยรอบสถานที่จัดงานด้วย อาทิ มะไฟ กล้วย กระเทียม ปลาร้า น้ำผึ้ง ฯลฯ โดยมีประชาชนและกลุ่มเกษตรกรขอถ่ายภาพคู่กับ พันตำรวจเอกทวี เป็นจำนวนมาก และร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องปัญหาราคาสินค้า พืชผลทางการเกษตร ก่อนเดินทางกลับในเวลา 17.30น.  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น