(21 กรกฎาคม 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภา ว่า นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ของพรรคฝ่ายค้าน ที่ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนอยู่ขณะนี้ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายชี้ให้เห็นประเด็นการทุจริตของรัฐบาล โดยครั้งนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ครั้งสุดท้าย ประชาชนจะได้นำบทเรียน รวมทั้งประมวลข่าวสาร ข้อมูล ข้อเท็จจริง ด้านบริหารราชการและงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล มาตัดสินใจประกอบการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยส่วนตัว มองว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีรวม 11 คน ตอบคำถามของพรรคฝ่ายค้านตามที่กล่าวหาไม่ได้ นายกฯและรัฐมนตรียังตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งหากรัฐมนตรีไม่ตอบ แสดงว่าตอบคำถามไม่ได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นก็ถูกบันทึกอยู่ในที่ประชุมสภา
“หากไม่ตอบ ประชาชนจะเห็นว่ารัฐมนตรีตอบไม่ได้ ความผิดพลาดอยู่ที่รัฐมนตรี” นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคประชาชาติมีมาตรฐานสูง มุ่งเน้นเจาะเรื่องทุจริตของรัฐบาลเป็นหลัก ตามข้อมูล-ข้อเท็จจริง เป็นการอภิปรายแบบมีหลักฐาน เพราะหากพูดความเท็จทำให้เกิดความเสียหายเอกสิทธิ์คงไม่สามารถคุ้มครองได้ ซึ่งจะเห็นว่า นายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกพาดพิง แสดงความกังวลตลอดเวลา
“ผมขอขอบพระคุณประชาชนทุกภาคส่วน ที่ให้กำลังใจพรรคประชาชาติ และพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค ในการทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสพบปะและเดินเยี่ยมกลุ่มผู้ชุมนุม และประชาชนที่มารวมตัวกัน เกาะติดการอภิปรายไม่ไว้วางใจบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาด้วย และได้เห็นบรรยากาศความไม่พอใจของประชาชน ที่มีต่อการชี้แจงของนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วย ทำให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ ไปต่อได้ยาก” นายมนตรี กล่าวในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น