ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภา ว่า นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีการเปิดลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไปในวันนี้ (19 สิงหาคม) เป็นวันแรก จนกว่าจะครบจำนวนไม่เกิน 26.50 ล้านสิทธิ แบ่งเป็นประชาชนที่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 จำนวน 26.27 ล้านสิทธิ และประชาชนที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 จำนวน 2.30 แสนสิทธิ์ และ เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 31 ตุลาคม นี้ นั้น พบว่าร้านค้าทราบว่าต้นปีที่ผ่านมาสรรพากรมีการตรวจสอบรายรับจากบัญชีถุงเงิน ที่ใช้ในการรับเงินคนละครึ่ง ทำให้ถูกสรรพากรเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากในอดีตเป็นการเก็บแบบเหมาจ่าย ปัจจุบันต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าขนส่ง ร้านที่จ่ายคนละครึ่งถูกสรรพากรเร่งรัด เพื่อให้จ่ายภาษี ทำให้กำไรที่ได้น้อยอยู่แล้วก็ต้องน้อยลงไปอีก รัฐบาลควรหาวิธีที่ดีกว่านี้โดยเฉพาะการบริหารจัดการเรื่องภาษี ที่ประชาชนอยู่ในช่วงการได้รับความเดือดร้อนทั้งจากวิกฤตโรคระบาดโควิด19 วิกฤตค่าน้ำมันและขนส่ง และปัญหาเงินเฟ้อ ที่ทำให้ค่าราคาสินค้า อุปโภค-บริโภค ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ปล่อยให้ประชาชนเผชิญวิกฤต ส่งผลต่อทั้งต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งเป็นลูกโซ่
นายมนตรี กล่าวว่า การกระทำของรัฐบาลเป็นเพียงแค่การยื้อเวลาออกไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาของประชาชนอย่างยั่งยืน รัฐบาลต้องปรับแนวคิดว่า ประชาชนไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต้องรับใช้ประชาชน ไม่แปลกใจเลยที่หลายฝ่ายส่งเสียงเรียกร้องถึง นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ว่า ควรลาออก หรือยุบสภา เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ และแก้ปัญหาให้ประชาชนแทน
#ประชาชนประชาชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น