วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565

"ทวี" ค้านรัฐบาล-กองทัพ ซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ได้มีมติอนุมัติงบให้กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบิน F-35A ผมเป็นเสียงข้างน้อยที่พิจารณาไม่อนุมัติ เพราะการพิจารณาอนุมัติงบประมาณของฝ่ายนิติบัญญัติที่มีประสิทธิภาพ คือ การอนุมัติเงินงบประมาณให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และมีความพร้อมในการดำเนินการให้ทันภายในปีงบประมาณนั้น ๆ รวมทั้งต้องสอดคล้องกับนโยบายการจัดทำงบประมาณ ปี 2566 ที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณต้องพิจารณา “ชะลอ ปรับลด หรือยกเลิกการดำเนินโครงการที่มีความสำคัญระดับต่ำ” จากข้อมูลพบว่า หากโครงการใดยังไม่มีความพร้อมในการดำเนินการ เห็นควรให้ตัดงบประมาณโครงการดังกล่าวด้วย

การจัดซื้อเครื่องบิน F-35A ครั้งนี้จะสร้างภาระผูกพันงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในระยะที่ 1 กว่าเจ็ดพันล้านบาท และหากซื้อจนครบฝูงบิน 12 ลำ จะส่งผลให้เกิดปัญหาในเชิงโครงสร้างงบประมาณที่เป็นการอนุมัติ “รายการผูกพันใหม่” ที่จะทำให้ไม่สามารถปรับลดงบประมาณได้ในปีถัดไป โดยจะผูกพันงบประมาณรวมกว่าสี่หมื่นล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการจัดซื้ออาวุธ การฝึกนักบินใหม่ การบำรุงรักษา ฯลฯ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐประกาศกำหนดแนวทางวิธีคิดคำนวณสัดส่วนการก่อภาระผูกพันข้ามปีงบประมาณที่กำหนดเพดานไว้ไม่เกินร้อยละ 10  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในปัจจุบันการคำนวณสัดส่วนดังกล่าว อาศัยข้อมูลของรายการใหม่ที่จะเริ่มต้นผูกพันงบประมาณเป็นปีแรกในปีงบประมาณนั้นจึงดูว่าเพดานไม่เกินร้อยละ 10  

แต่เมื่อเมื่อได้พิจารณาวงเงินภาระผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 การตัดสินใจทำให้ภาระผูกพันงบประมาณข้ามปีที่จะต้องดำเนินการจนแล้วเสร็จทั้งโครงการรวมกันแล้วเป็นเงินงบประมาณจำนวนถึง 1,095,654.4 ล้านบาท มีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 33.4 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้นเลยทีเดียว 

ดังนั้น การให้กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบิน F35-A ด้วยวิธีตั้งงบผูกพันข้ามปี เป็นความเชื่อของคนบางกลุ่มที่ยังมีมุมมองที่แตกต่างในมิติความมั่นคง แต่เป็นการซ้ำเติมสร้างภาระหนี้สาธารณะและผลักให้ลูกหลานที่เป็นอนาคตของประเทศต้องแบกรับหนี้สาธารณะที่เป็นภาระทางการคลังไปในอนาคตอย่างมากมายมหาศาล เป็นการก้าวล่วงไปกินพื้นที่ทางการคลังหรือสร้างภาระทางการคลังในอนาคตมากเกินไป

การจัดซื้อเครื่องบิน F-35A จากสหรัฐอเมริกาของกองทัพอากาศ (ทอ.) ในปัจจุบัน เป็นเวลา (Timing) ที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ – จีน มีมากที่สุดในประวัติศาสตร์   สหรัฐฯ ต้องการให้ไทยเลือกข้างด้วยการเสนอขายเครื่องบิน F-35A ภายใต้รูปแบบของความช่วยเหลือทางการทหารแก่ประเทศพันธมิตร (Foreign Military Sales หรือ FMS) ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ - ไทย และมีสิ่งจูงใจต่าง ๆ ดังนั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย – จีน ในระยะยาวที่ไม่อาจเรียกคืนได้ เพราะการจัดซื้อเครื่องบินภายใต้รูปแบบของความช่วยเหลือทางการทหาร (FMS) ระหว่างรัฐบาลจะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าไทยเลือกข้างสหรัฐฯ และอาจเป็นปฏิปักษ์กับจีน  ดังนั้น ในสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศปัจจุบัน สิ่งที่ไทยควรทำ คือ เราต้องรักษาจุดยืน โดยไม่แสดงท่าทีว่าเลือกข้าง ไม่ว่าจะเป็น ข้างจีน หรือ ข้างสหรัฐฯ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทย 

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น