วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565
"ทวี" ค้านรัฐ ขายที่ดินให้ต่างชาติ
"มูลนิธิไทยคม-ศิริราช" จัดงาน เดิน-วิ่ง-ปั่น เฉลิมพระเกียรติ
The Politica - (30 ตุลาคม 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มูลนิธิไทยคม ร่วมกับ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จัดโครงการ “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 8 เฉลิมพระเกียรติ” เป็นการรวมพลังขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นดั่งแสงนำใจของประชาชนไทยและทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังเป็นการร่วมกันจัดกิจกรรมเชิงรุกสู่ชุมชนเพื่อป้องกันและสร้างความตระหนักรู้ถึงแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอาการโรคหลอดเลือดสมอง ณ บริเวณท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
ในประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 1,880 คน ต่อประชากรจานวนหนึ่งแสนคน หรือร้อยละ 2 ซึ่งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในเพศหญิงและอันดับสามในเพศชาย รองจากอุบัติเหตุและโรคมะเร็ง นอกจากนั้น โรคนี้ยังมีอัตราความพิการสูง การศึกษาในประเทศไทยพบว่าในผู้ป่วย 100 คน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะเสียชีวิตร้อยละ 5 และพิการร้อยละ 70 ซึ่งนอกจากความพิการทางกายแล้ว ยังมีผลทาให้ความจาเสื่อมในภายหลังอีกด้วย โดยร้อยละ 80 ของภาวะดังกล่าวจะเกิดในประเทศกาลังพัฒนาและด้อยพัฒนา ดังนั้น จะเห็นว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นปัญหาสาคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ประเทศกาลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะพบโรคนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าประชาชนขาดความรู้ด้านการป้องกันหรือรักษาอย่างถูกวิธี
ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้จัดกิจกรรมเชิงรุกสู่ชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงอาการและแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอาการและการป้องกันโรค ในชื่อโครงการ “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 8 เฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งเป็นการรวมพลังของเขตสุขภาพ 13 เขต และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ การให้ความรู้เรื่องโรคหลอดเลือดสมอง และการออกกาลังกายเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ “แผ่นดินไทย ไร้สโตรค” มีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงเป็น ดั่งแสงนาใจของประชาชนไทย และทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพ และการออกกาลังกาย ทรงมีพระเมตตาแผ่ไพศาลแก่พสกนิกรชาวไทยอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ และเชื้อชาติ พระราชทาน รถต้นแบบรักษาอัมพาตเคลื่อนที่สาหรับนาไปใช้ประโยชน์ และเป็นรากฐานในการให้บริการไปทั่วประเทศดังประจักษ์ชัด
รวมทั้ง เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศตระหนักถึงความสาคัญของการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ด้วยการดาเนินงานเชิงรุกในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้มีกิจกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายการรักษาและลดภาระของปัญหาโรคเรื้อรัง โดยให้ประชาชนทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย และทุกหมู่เหล่า มีโอกาสออกกาลังกายอย่างง่าย ๆ เช่น การเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ซึ่งถ้าทาเป็นประจาจะทาให้มีสุขภาพดีห่างไกลโรค โดยกิจกรรมมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัด DMHTT [Distancing (อยู่ห่างไว้) Mask wearing (ใส่มาส์กกัน) Hand washing (หมั่นล้างมือ) Testing (ตรวจให้ไว) ThaiChana (ใช้ไทยชนะ และหมอชนะ) ] และให้ความร่วมมือปฏิบัติตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ถ้วยพระราชทาน รางวัลสนับสนุนจากภาครัฐ และของที่ระลึก ประกอบด้วย 1.) ถ้วยรางวัลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ชนะเลิศ” ด้านจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมออกกาลังกายเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต 2.) ถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี “ชนะเลิศ” ด้านการจัดกิจกรรม เฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมให้ความรู้โรคโรคหลอดเลือดสมอง 3.) โล่รางวัลเกียรติยศ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จานวน 3 รางวัล คือ รางวัลขนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 4.) โล่รางวัลเกียรติยศ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จานวน 5 รางวัล คือ รางวัลขนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 รางวัลชมเชย อันดับ 1 และรางวัลชมเชย อันดับ 2 และ 5.) โล่รางวัลเกียรติยศ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จานวน 22 รางวัล คือ เมืองกีฬา 16 จังหวัด จำนวน 6 รางวัล จังหวัดอื่น ๆ 61 จังหวัด จำนวน 10 รางวัล Over All ชาย และ Over All หญิง จำนวน 6 รางวัล นอกจากนี้ ยังมี 6.) บุคคลทั่วไปที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม จะได้รับเสื้อกีฬา และเหรียญที่ระลึก
วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2565
“ประชาชาติ” หนุนใช้เทคโนโลยี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ระบุว่า “ปัจจุบันแนวโน้มในอนาคตจะเปลี่ยนไปทั้งเทคโนโลยี การก้าวเข้าสู้สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มแรงงานที่มีแนวโน้มจำนวนลดลง การเตรียมรับมือเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องพยายามผลักดันเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เน้นที่ใช้ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือสามารถปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว”
“ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องคน องค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยี รวมถึงเงินทุนสำหรับการพัฒนาต่อยอดและสำหรับการเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หากรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งในปีหน้า สามารถมีนโยบายที่จะสนับสนุนได้ อนาคตทิศทางประเทศเดินหน้าต่อไปได้ครับ” นายฐาคณิษฐ์ กล่าว
วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565
“ประชาชาติ” หารือ “เชฟทองเลียบ-วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร” ส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารไทย-ต้มยำมาเลเซีย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากอาคารอำนวยการ วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร กรุงเทพฯ ว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย, นางสาวธนัญญรัชช์ เศรษฐาธิรัชฎ์ ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ เดินทางมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการขับเคลื่อนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ร้านต้มยำในประเทศมาเลเซีย กับ เชฟทองเลียบ พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟ ประเทศไทย โดยมี นางเบญจวรรณ ปกป้อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร และ นายอุกฤษฏ์ วัชระพิริยะกุล รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ได้มีการประชุมออนไลน์กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ร้านต้มยำในประเทศมาเลเซียด้วย
นอกจากนี้ นางเบญจวรรณ ปกป้อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร ยังได้แนะนำอาหารและเครื่องดื่มจากครัวพระนคร วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร โดยไฮไลต์เป็น เครื่องดื่มสมุนไพร น้ำมะกรูดคั้นสด ผสมน้ำผึ้ง ผัดไทกุ้งสด ส้มตำไทย ตำปูปลาร้า และน้ำรากบัว
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2565
"เผ่าภูมิ" เปิด 10 จุดต่าง ทำไม “เขตธุรกิจใหม่” เพื่อไทย เหนือกว่า “EEC”
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2565
"ษัษฐรัมย์" ร่วมถกนโยบายประชาชาติ หนุน "รัฐสวัสดิการ" คือทางออก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานพรรคประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ว่า รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ขับเคลื่อนเรื่องรัฐสวัสดิการว่าด้วยการต่อสู้เรื่องสวัสดิการแรงงาน เดินทางมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็น นโยบาย "การศึกษาเป็นสิทธิ : เรียนฟรีมีคุณภาพ ล้างหนี้ กยศ." (โดยแปลงหนี้เป็นทุน) ร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ โดยมี นายวันมูหะมัตนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ได้มีสื่อมวลชนเดินทางมาร่วมสัมภาษณ์ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง และถ่ายทำสกู๊ปข่าวเพื่อนำไปเผยแพร่ด้วย โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง สมาชิกพรรค และกลุ่มนักศึกษา และคนรุ่นใหม่ของพรรค กว่า 30 คน เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ระบุว่า "เรียนมหาวิทยาลัยฟรี เท่าสิทธิราชการใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนการล้างหนี้ กยศ.ทำในหลายประเทศ มีทั้งทำให้แบบอัตโนมัติ ตลอดไปแบบนอร์เวย์ ทำแบบมีเงื่อนไข หรือทำแบบเฉพาะกิจ ก็มีได้".... "ตามข้อมูลตัวเลขที่พวกเราทำมามีตัวทวีคูณเศรษฐกิจมหาศาลสามารถเพิ่มรายได้ ของคนรุ่นใหม่ได้ 30 % สำหรับการล้างหนี้ และเรียนฟรี ปกติคนเราต้องใช้ถึง 10 ปีในการเพิ่มรายได้นี้ มันจะลดหนี้ครัวเรือนและรักษาชีวิตความฝันไว้ได้"
"แต่เราไม่มีคนเริ่ม ไม่มีคนกล้าที่จะพูดเรื่องผิดปกติของสังคม ไม่มีคนแรก ต้องขอบคุณอาจารย์และเพื่อนๆ พรรคประชาชาติฐานเสียงอยู่ในจังหวัดยากจน ยากจนและถูกเลือกปฏิบัติ ผมหวังว่าพรรคประชาชาติ พรรคฝั่งประชาธิปไตย ที่ มี ส.ส.ไม่เยอะ มีฐานเสียงจากจังหวัดยากจน จะเป็นผู้นำให้พรรคการเมืองอื่นกล้าหาญทางนโยบายมากขึ้นครับ" รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ระบุ