"จาตุรนต์ ฉายแสง" นำทัพเพื่อไทย ระดมแกนนำบุกบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พบพี่น้องชาวอีสานในฉะเชิงเทรา ชูประชาธิปไตยกินได้ ขอพลังชาวอีสานเปลี่ยนประเทศ ชี้ 8 ปีประยุทธ์ล้มเหลว เลือกเพื่อไทยเป็นรัฐบาล "แก้หนี้-ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้" สร้างประชาธิปไตยกินได้ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั่วประเทศ
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อไทยยกทัพบุกอีสาน ปราศรัยกันยาวๆ 5 จังหวัด 9 เวที มีประชาชนชาวอีสานให้การตอบรับอย่างล้นหลาม รวมทุกเวทีไม่ต่ำกว่าแสนคน เน้นย้ำภาพคนอีสานต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันเพื่อเปลี่ยนประเทศไปสู่ประชาธิปไตย และแก้ปัญหาของประชาชนที่เรื้อรังมาตลอด 8 ปี
ทำให้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 แกนนำพรรคเพื่อไทยเร่งเครื่องพูดคุยกับพี่น้องชาวอีสานต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่กระจายตัวไปทำงานในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศ หนึ่งในนั้นคือเวทีปราศรัยเวทีย่อย อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา นำทัพโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี , นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดขอนแก่น พรรคเพื่อไทย, นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ชาวอีสานผูกพันแน่นแฟ้นกับพรรคเพื่อไทยมายาวนาน ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย เพราะนโยบายที่ยึงโยงกับประชาชนทำให้คนทั่วประเทศเห็นว่า #ประชาธิปไตยกินได้ ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย นำโดยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายเป็นจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ อาทิ กองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค หรือธนาคารชุมชน โดยพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองแรก ทีเริ่มทำทุกนโยบายที่ประกาศไว้ตั้งแต่เป็นรัฐบาลในปีแรก และทำสำเร็จทั้งหมดทุกนโยบายภายใน 4 ปี"
นายจาตุรนต์ กล่าวปราศรัยว่า “นโยบายที่ประกาศไปเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ ทุกภาค ไม่เว้นใครทั้งสิ้น แต่ทำไมคนอีสานถึงรักพรรคไทยรักไทย ในเมื่อทุกภาคก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะคนอีสานเดือดร้อนที่สุด ยากจนที่สุด แต่เมื่อนโยบายออกมาเป็นประโยชน์ต่อคนยากคนจน คนรากหญ้า ไม่ใช่เพื่อนายทุน หรือใครคนใดคนหนึ่ง คนอีสานจึงได้ประโยชน์มากที่สุด”
"ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นอีกครั้งพรรคเพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาล ซึ่งคนอีสานและพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายร่วมกัน ในการที่จะร่วมกับคนอีสานทั่วทั้งภาค คนฉะเชิงเทรา และคนไทยทั้งประเทศ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยกินได้อีกครั้ง เหมือนกันที่พี่น้องชาวอีสานเคยทำมาแล้วในอดีต" นายจาตุรนต์ กล่าว
ทางด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "เพื่อไทยคิดว่าเราจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ลูกหลานเรียนจบมาได้เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 บาท รวมถึงเบี้ยผู้สูงอายุ เราวางแนวทางในการลดรายจ่ายสร้างรายได้ ปลดหนี้ให้กับพี่น้องประชาชน เพราะพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้น 5% ทุกๆปี อัดเงินเข้าไปในหมู่บ้าน และกระตุ้นเศรษฐกิจ เราจะไม่คิดแต่เอาบัตรมาแจกพี่น้องกินไปวันๆและก็กู้มาแจกไปเรื่อย ๆ เราไม่ทำแบบนั้น"
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังย้ำให้มั่นใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง เหมือนครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรค เพราะฝ่ายเผด็จการเรียนรู้แล้วว่า ไม่ว่าจะยุบพรรคเพื่อไทยไปแล้วกี่ครั้ง พรรคเพื่อไทยกลับเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งถ้าเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาดเกิน 251 เสียงในสภา ก็จะทำให้ไม่ว่าพลเอกประยุทธ์ได้เป็นรัฐบาล โดยการเลือกของ ส.ว. ก็จะทำให้เป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย โดยจากการลงพื้นที่ต่อเนื่องทำให้เห็นว่า ตลอด 8 ปีประชาชนเดือดร้อนสาหัส ที่เห็นชัดคือมีพ่อแม่จำนวนมากที่ไม่เหลือกิน จนต้องปล่อยให้บุตรหลานไม่ได้ไปโรงเรียนและหลุดจากระบบการศึกษาในที่สุด ซึ่งตนเห็นว่านี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศ เพราะหมายถึงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไทยจะไม่มีบุคลาการที่มีคุณภาพมาขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ
“แต่เล็กพ่อหิ้วผมไปด้วย ทำให้ได้วิชาจากพ่อมาว่าผู้แทนที่ดีต้องอุทิศตนให้ประชาชน ทำให้ตั้งแต่เป็นผู้แทนมาผมไปช่วยงานไม่ต่ำกว่า 20,000 งาน พอมีคนมาขอความช่วยเหลือแล้วเราช่วยไม่ได้เราจะนอนไม่หลับ แล้วยิ่งเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับความไม่เป็นธรรมเราจะยิ่งเครียด เพราะเราเป็นผู้แทน เราต้องทำหน้าที่แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ได้ และไม่ใช่แก้แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ระดับท้องถิ่นทำได้ แต่ต้องเชื่อมโยงไปยังระดับประเทศ ซึ่งจังหวัดฉะเชิงเทราสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ”
"เพราะจากการทำงานตั้งแต่สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้เห็นว่าอุตสาหกรรมในจังหวัดฉะเชิงเทรามีศักยภาพและความพร้อมหลายด้าน ถ้าส่งเสริมให้มีเทคโนโลยีขั้นสูง มีนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้อีกมาก โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่งเสริมให้เด็กไทยมีศักยภาพในการต่อยอดไปสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้ นั่นคือปัจจัยที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วต้องเร่งสร้างให้เกิดขึ้น" นายวุฒิพงศ์ กล่าว
นายวุฒิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในจังหวัดฉะเชิงเทรามีการนำระบบการศึกษาแบบทวิภาคีอาชีวะ (Dual System) เข้ามาปรับใช้ในสถานศึกษา เพราะเมื่อผู้ประกอบการมาสร้างอุตสาหกรรมในพื้นที่แล้ว ก็จะร่วมมือกับสถานศึกษาในการส่งมอบองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการปั้นเด็กในพื้นที่ฉะเชิงเทราและใกล้เคียงให้มีความรู้ความสามารถผลิตออกไปทำงานบริษัทเหล่านั้นได้จริง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เด็ก ๆ ในพื้นที่สามารถต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมขั้นสูงได้มากยิ่งขึ้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า การคมนาคมระบบราง หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นต้น แต่สิ่งเหล่านี้จะถูกสานต่อและทำให้เห็นผลได้อย่างชั้นเจน นายวุฒิพงศ์เน้นย้ำว่า การเลือกตั้งที่จะถึงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกให้ฝ่ายประชาธิปไตย โดยต้องไม่ทำให้คะแนนเสียงทุกเสียงตกน้ำ จากการเลือกแบบเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic voting) ที่เมื่อใกล้เลือกตั้งแล้วพรรคประชาธิปไตยพรรคไหนมีทีท่าจะชนะ ประชาชนก็ควรเทคะแนนเสียงทำให้พรรคนั้นชนะขาด ซึ่งตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถดำเนินทุกนโยบายมาได้จริงในอดีต จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกครั้ง"
#คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน