ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ห้องคริสตัล 1-2 โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาทางเลือกนโยบายการจัดการปัญหายาบ้าที่เกี่ยวข้องกับการบำบัด การผลิต และการพัฒนายาทดแทนยาบ้า เพื่อพัฒนาทางเลือกเชิงนโยบายสำหรับการจัดการปัญหายาบ้า พร้อมมี นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกัน แก้ไข และปราบปรามปัญหายาเสพติด เข้าร่วมประชุมด้วย
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวระหว่างการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ทางกระทรวงยุติธรรม ป.ป.ส. ได้ร่วมหารือกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติงานด้านการป้องกันแก้ไขและปราบปรามปัญหายาเสพติด ในสองประเด็นหลัก คือการหาแนวทางให้ผู้ติดยาบ้าเข้าถึงการบำบัดรักษา และพัฒนาตัวยาที่มีประสิทธิผลในการรักษาผู้ติดยาบ้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่มียารักษาโดยตรง และความเป็นไปได้ในการใช้นโยบายยาทดแทนยาบ้า ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดทอนความรุนแรงจากปัญหายาเสพติด ซึ่งคาดว่าผลการประชุมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแนวทางบำบัดรักษาผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดให้มีความเหมาะสมตามแนวทางผู้เสพเป็นผู้ป่วยตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การพัฒนายาทดแทนยาบ้าเพื่อใช้ในการบำบัดผู้เสพยาเสพติด ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการวิจัย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการใช้ยาเมทาโดนเพื่อรักษาผู้เสพติดเฮโรอีนมาก่อน ซึ่งหากทำได้จะถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการแก้ปัญหายาเสพติด
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสถิติของผู้เสพยาเสพติดที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงยุติธรรม ทั้งกรมราชทัณฑ์กรมคุมประพฤติกรมพินิจและคุ้มครองเด็กมีจำนวนสูงถึง 800,000 คน โดยในจำนวนนี้กว่า 300,000 คน ไม่ได้เข้ารับการบำบัดรักษาและอยู่ในชุมชน จึงยังต้องมีการให้ความรู้เรื่องยาและการบำบัดกับชุมชนให้เข้มแข็งมากพอที่จะช่วยดูแลผู้เสพที่เป็นผู้ป่วยได้ รวมถึงยังพบว่ากลุ่มผู้เสพยาเสพติดจำนวนมาก ยินยอมเข้าสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมากกว่าสมัครใจเข้ารับการบำบัด หรือคุณประพฤติ จึงได้มีการหารือกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เช่น ศาล เพื่อหาแนวทางในการนำผู้ คิดถึงบังคับใช้กฎหมายจากเรื่องยาเสพติดให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดให้ได้มากที่สุด
ส่วนข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรม และ ป.ป.ส. เกี่ยวกับนโยบายกัญชาที่กระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างออกกฎหมายควบคุม นั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังยกเลิกกัญชา และพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดในปี2565 และขณะนี้ยังไม่มีมาตรการควบคุมกัญชา ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ใช้กัญชาและสร้างปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน พบว่ามีการใช้กัญชาเพิ่มถึง 10 เท่า ซึ่งทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เรียกร้องว่าขอให้นำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ยังไม่มีกฎหมายควบคุมสารเสพติด ให้กลับไปใช้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขก่อน แต่เงื่อนไข คือ ต้องเสนอบอร์ด ป.ป.ส.ให้ออกประกาศตามกฎหมายยาเสพติด ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม และพรรคร่วมรัฐบาลต้องหารือกันก่อน
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง กล่าวว่า เรื่องดอกและช่อต้นกัญชา ใน UN ยังจัดให้เป็นยาเสพติด และจากการที่ตนเองไปประชุมในเวทีแก้ปัญหายาเสพติดโลกนั้น ประเทศอื่น ๆ ก็ไม่ยอมรับให้กัญชาออกจากยาเสพติด และไทยถูกซักถามในประเด็นดังกล่าวจากต่างประเทศมาก เพราะประเทศอื่น ๆ กัญชายังเป็นยาเสพติด แต่เหตุใดไทยอนุญาตให้ใช้ กระทรวงยุติธรรม จึงมีความเห็นว่า กัญชาสามารถใช้ทางการแพทย์ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่ห้ามใช้ในทางสันทนาการ ดังนั้นระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมกัญชา ก็ให้ออกประกาศกำหนดให้ช่อดอกและสารสกัดจากพืชกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดให้โทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น