วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เร่งฟื้นฟูจังหวัดชายแดนใต้ ระดมกำลังผู้ต้องราชทัณฑ์ทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน-ซ่อมรถจักรยานยนต์ที่เสียหายจากอุทกภัย ย้ำรัฐบาลดูแลเต็มที่


ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ว่า เมื่อช่วงเข้าที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ เดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เพื่อเดินทางต่อไปยังเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ถนนสุริยะประดิษฐ์ ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย และแผนการแก้ไขปัญหา พร้อมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในโครงการร่วมแรงซ่อมรถจักรยานยนต์ที่เสียหายจากอุทกภัย โดยความร่วมมือระหว่าง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม, มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) รวมทั้งยังมีบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย เปิดโอกาสให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งมอบถุงยังชีพให้กับผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ด้วย 

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัดของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในขณะนี้ปริมาณน้ำในหลายพื้นที่ลดลงสู่สภาวะปกติ แต่ปัญหาสำคัญคือการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือน โดยเฉพาะการทำความสะอาดอาคารบ้านเรือนและร้านค้าในเขตเศรษฐกิจ ซึ่งได้สั่งการให้เรือนจำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นำผู้ต้องราชทัณฑ์ออกช่วยเหลือทำความสะอาดพื้นที่สาธารณประโยชน์ ทั้งถนน ตลาดสด โรงเรียนและวัดในพื้นที่ รวมถึงการเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่อาศัยอยู่ในที่พักพิง และครัวประกอบอาหารของเขตเทศบาลนครยะลา

”รัฐบาลตระหนักถึงความลำบากของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงการยื่นเอกสารเยียวยาน้ำท่วมให้มีความรวดเร็วและง่ายดาย โดยจะลดขั้นตอนที่พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้การเยียวยาทั่วถึงและโปร่งใส“ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ยังได้เดินทางต่อไปยังตลาดเทศบาลตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย บริเวณตลาดเทศบาลตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และ เดินทางต่อไปยังบ้านชะมูแว ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบอุปกรณ์การซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ และบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียหายจากอุทกภัยด้วย โดยตั้งเป็นศูนย์ซ่อมฯ บริเวณ อบต. ปะลุกาสาเมาะ สำหรับเครื่องมือช่าง ละสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุน ประกอบด้วย น้ำมันเครื่อง บล็อกถอดหัวเทียน กระดาษทราย ฯลฯ เป็นต้น 

จากนั้น ในช่วงบ่าย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ออกจากจังหวัดนราธิวาส ไปยังเรือนจำกลางปัตตานี จังหวัดปัตตานี เข้าตรวจเยี่ยมบ้านพักของข้าราชการที่เรือนจำกลางปัตตานี และมอบถุงยังชีพให้กับผู้บัญชาการเรือนจำกลางสงขลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา และผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี เพื่อนำไปส่งมอบให้กับประชาชนต่อไป

รวมทั้ง ยังได้เดินทางต่อไปยังบริเวณมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบภัย กว่า 500 คน โดยมี นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม รวมทั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ ร่วมให้การต้อนรับ ประกอบด้วย นายซูการ์โน มะทา สส. จังหวัดยะลา, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส, นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สส.ปัตตานี, นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สส.ปัตตานี, นายสุไลมาน บือแนปีแน สส.จังหวัดยะลา และ รศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ร่วมกันให้การต้อนรับ 

ก่อนเดินทางไปยังห้องรับรองสนามบินบ่อทอง จังหวัดปัตตานี เพื่อประชุมกับสมาคมประมงจังหวัดปัตตานี และออกเดินทางจาก จังหวัดปัตตานี ในเวลา 17.00 น. ไปท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ รวม 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา 4 อำเภอ จังหวัดปัตตานี 4 อำเภอ จังหวัดนราธิวาส 3 อำเภอ จังหวัดนครศรีธรรมราช 7 อำเภอ จังหวัดพัทลุง 5 อำเภอ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ประชาชน โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ปริมาณฝนจะลดลง ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะกลับมามีฝนตกหนักถึงหนักมากอีกครั้งในช่วงวันที่ 13–16 ธันวาคม นี้ บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นครศรีธรรมราช พัทลุง และสตูล จากนั้นแนวโน้มฝนจะลดลงตามลำดับ ซึ่งจะต้องมีการติดตามประเมินสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนช่วยเหลือประชาชนให้เหมาะสมต่อไป